“ขุนพันธ์ 3” ระดมพล “โคตรคน โคตรศาสตรา โคตรอาคม” พร้อมภารกิจจับตาย ท้าทายความคงกระพัน ระเบิด “โคตรความมันส์” สนั่นโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ 1 มีนาคมนี้

นับถอยหลังสู่วันพิพากษากับภาพยนตร์แอ็กชันฮีโร่ไทยฟอร์มยักษ์ “ขุนพันธ์ 3” ที่เรียกเสียงฮือฮาและกระแสชื่นชมไปเต็มๆ จากตัวอย่างหนังสุดเดือดที่เผยให้เห็นความน่าดูและน่าสนใจของภาพยนตร์ทั้งจากพล็อตเรื่อง งานโปรดักชัน ฉากแอ็กชันสุดมันส์ และการประชันบทบาทของ 5 นักแสดงหลักที่ทำให้เรื่องนี้มีความเข้มข้นครบรสอันเป็นที่มาของ “โคตรคน โคตรศาสตรา โคตรอาคม” ที่ทางผู้กำกับ “ก้องเกียรติ โขมศิริ” บรรจงออกแบบสร้างสรรค์หลากหลายตัวละครให้มีสีสันอันเป็นเอกลักษณ์และจุดเด่นเฉพาะตัวไม่ซ้ำใครเพื่อความสมบูรณ์แบบของภาพยนตร์ในทุกองค์ประกอบ

 

“ขุนพันธ์” รับบทโดย “อนันดา เอเวอริงแฮม”

The Character:

นายตำรวจมือปราบเพียงหนึ่งเดียวผู้สยบเสือร้ายและกำราบโจรดังๆ ในแฟ้มอาชญกรรมตำรวจมากมายทั่วปฐพีด้วยศรัทธา อาคม และความคงกระพัน ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและยืนหยัดในการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เจ้าของหลากหลายฉายา “ยอดตำรวจวีรบุรุษ”, “มือปราบสิบทิศ”, “นายพลหนังเหนียว” ฯลฯ ดำรงตำแหน่ง “ขุน” คนสุดท้าย มี “หนวดเขี้ยว” เป็นสัญลักษณ์ประจำตัว และอาวุธประจำกายคือ “ดาบแดง” และความคงกระพันหนังเหนียว

Star’s Quote:

ผมยอมรับว่าอยู่กับตัวละคร ‘ขุนพันธ์’ มาจนเป็นส่วนหนึ่งของ DNA ในตัวผมไปแล้ว เราอยู่กับเนื้อหานี้ประมาณ 11 ปี จำได้ว่าเข้ามาทำภาคแรกอายุ 29 แล้วตอนนี้ผมอายุ 40 แล้ว เป็นโปรเจกต์ที่ค่อนข้างยาก และใช้พลังงานสูง เพราะมันเหนื่อยจริงๆ แต่มันเป็นโปรเจกต์ที่เรารักมาก”

Spotlight:

เราจะได้เห็นความพิเศษและแสนยานุภาพของ “ดาบแดง” ในการฟาดฟันบั่นคอเหล่าภูตผีร้าย รวมไปถึงการใช้ปราบเสือร้ายที่มีอาคม เป็นหนึ่งในฉากไฮไลต์ที่น่าตื่นตาที่สุดที่ถูกระดมสร้างสรรค์ขึ้นมาในการกลับมาครั้งนี้ นอกเหนือจากความสามารถทางด้านอาคม ของขลัง “ขุนพันธ์” เป็นเอกอุทั้งเรื่องคงกระพัน ยิงไม่เข้า ฟันแทงไม่เข้า วิชาตาทิพย์ การมองเห็นได้ในที่มืด หรือการสนทนากับคนตาย เราจะได้เห็นวิชาที่เพิ่มขึ้น และที่ยังไม่ได้เห็นในภาคอื่น

Director’s View:

“ท่านไม่ใช่คนธรรมดา จำนวนของโจรที่ท่านปราบเป็นหลักร้อย ประวัติเรื่องราวของท่านนับว่าสุดยอดที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ถ้าให้คำจำกัดความ ‘ท่านขุนพันธ์’ คือนักสู้ นักล่า นักต่อรอง ท่านมีประโยคเด็ด ‘ถ้าพวกมึงยอมสัญญาว่าเลิกเป็นโจร แล้วไปบวชซะ กูจะจับเป็นพวกมึง’ เป็นคนที่ยึดมั่นในความดีและนับถือความถูกต้อง ความพิเศษอยู่ตรงที่ท่านเป็นคนมีวิชาอาคม แล้วก็อยู่ได้ด้วยความศรัทธา ในแง่มิติตัวละครของภาค 3 เราจะได้เห็นพัฒนาการในตัวคาแร็กเตอร์ขุนพันธ์ที่เดินทางมาในปีที่ 10 ที่เติบโตขึ้น มีความเป็นมนุษย์ มีเลือดเนื้อที่สัมผัสได้ มีความเจ็บปวด พร้อมการตั้งคำถามที่ว่า สิ่งใดคือความคงกระพันที่แท้จริง ซึ่งภาคนี้ว่าด้วยเรื่องของ Survival เรื่องความอยู่รอดของตัวละครแต่ละตัวที่มาพร้อมกับเดิมพันที่มันสูงขึ้น”

 


 

“เสือดำ” รับบทโดย “โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์”

The Character: 

หัวหน้ากลุ่ม “จอมโจรเชิ้ตดำ” เสือร้ายผู้มาพร้อมกับความเหี้ยมโหด ดุดัน มีมนตร์คาถาเสกฝุ่นอาคมประจำตัว มีปืนพกลูกโม่และปืนลูกซองแฝดสั้นเป็นอาวุธประจำกาย สักหนุมานที่หน้าอก  แขนซ้ายสักเสือ ฟันดำเพราะดูดฝิ่นและมีฟันทองอยู่ 2 ซี่ เป็นเสือคู่ปรับที่ร้ายกาจที่สุด อันตรายที่สุด และซับซ้อนดำมืดที่สุด คือมัจจุราชที่ถูกส่งมาคร่าชีวิต “ขุนพันธ์” 

Star’s Quote:

‘เสือดำ’ ของผมไม่ใช่พระเอก เสือดำของผมคือเสือจริงๆ คือเสือตัวสุดท้ายที่ยังคงความเป็นเสือจนวันตายเขาไม่มีความคิดที่จะมอบตัว คนทั่วไปอาจมองว่าสีขาวเป็นสีที่บริสุทธิ์ แต่เสือดำมองว่าสีดำเป็นสีที่บริสุทธิ์ และสีที่เกลียดที่สุดคือสีกากี  เสือดำเป็นตัวละครที่ผมต้องทุ่มเททั้งทักษะความสามารถในทุกๆ ด้าน ทั้งแอ็กชัน ขี่ม้า ยิงปืน มีด อาวุธ หมัด เท้า เข่าศอก พละกำลังของร่างกาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นฐานของ ‘การแสดงที่ผมพร้อมถอดวิญญาณและสร้างลมหายใจให้กับตัวละครสำคัญตัวนี้ในทุกวินาที’

Spotlight:

ในระหว่างการถ่ายทำ “โตโน่ ภาคิน” ถูกบท “เสือดำ” กลืนกินชีวิตถึงขั้นแยกไม่ออกถอดร่างจริงกับบทไม่ได้ เมื่อคาแร็กเตอร์เสือดำหลุดออกมานอกจอทำให้คนรอบข้างถึงกลับไม่กล้าเข้าใกล้ และทุกครั้งของฉากดวลกันระหว่างเสือดำกับ “ขุนพันธ์” จะทำให้นึกถึงการเข้าฉากของ “พี่น้อย กฤษดา” ในบท “อัลฮาวียะลู” ในภาคแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากดวลกันในชุมเสือกับขุนพันธ์ที่ทั้งคู่บู๊กันจริงๆ ถึงขั้นไม้ตะพดที่ใช้ในฉากหักกลางสองท่อน

Director’s View:

“ในส่วนคาแร็กเตอร์ของ ‘เสือดำ’ ที่เราวางไว้จะเป็นคนเก็บกด มีอดีต เป็นโจรอาชีพ เป็นโจรโดยสัญชาตญาณ และเป็นโจรโดยสันดาน เกิดมาเพื่อเป็นโจร สิ่งที่เขายึดถือตลอดเวลาคือสัจจะของโจร การไม่ทิ้งกันของโจร กลุ่มโจรเชิ้ตดำคือครอบครัวเดียวของเขา ทุกครั้งที่สู้กับตำรวจ เสือดำมีความตั้งใจว่ากูต้องถูกจับตายจะได้จบๆ ชีวิตกูไปเสียที ฉะนั้นเลยไม่มีความคิดเรื่องการมอบตัวอยู่ในหัวเขาเลย”

 


 

“เสือมเหศวร” รับบทโดย “มาริโอ้ เมาเร่อ”

The Character: 

คือหัวหน้ากลุ่ม “จอมโจรเชิ้ตขาว” ตัวแทนเสือรุ่นใหม่ มากไปด้วยอุดมการณ์ ฉลาด ไหวพริบเฉียบแหลม ว่องไวดุจลิงลม เปรียบได้กับลม เป็นนักปลอมแปลง เก่งฉกาจในการล่องหนหายตัว มีมนตร์คาถาเบี่ยงกระสุน โดยมีพระมเหศวรเป็นเครื่องรางประจำตัว เป็นเสือร้ายเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถกระตุกหนวดเขี้ยว “ขุนพันธ์”

Star’s Quote:

‘เสือมเหศวร’ เป็นเสือที่รักศักดิ์ศรีและพวกพ้อง มีความคิดที่จะปล้นเพื่อเปลี่ยนแปลงความเหลื่อมล้ำทางสังคม ความท้าทายของบทนี้เปิดโอกาสให้โอ้ได้ถ่ายทอดในหลากหลายแง่มุมทั้งแอ็กชัน ดราม่า โรแมนติก ได้ฝึกทักษะและทำการแสดงหลายอย่างทั้งขี่ม้า ยิงปืน เล่นมายากล ปลอมตัว และทุกครั้งที่ปลอมตัวก็ต้องเปลี่ยนคาแร็กเตอร์ไปด้วย”

Spotlight:

ฉากบู๊ที่ต้องขึ้นสลิงกระโดดหลบระเบิดลูกไฟขนาดยักษ์จากบนหอคอยสูง 8 เมตรที่ทั้งเสี่ยงและอันตรายจากเอฟเฟกต์ระเบิด โดยเฉพาะขนาดของระเบิดเพลิงลูกยักษ์ที่ไล่หลังห่างเพียงแค่คืบเดียว

Director’s View:

“อย่างตัวละคร ‘เสือมเหศวร’ ของ ‘มาริโอ้’ จะมีความเป็นทรชนสองหน้า คือคนสองบุคลิก โดยหนึ่งในร่างนั้นคือเสือมเหศวร จอมโจรชื่อดังผู้มีค่าหัวสูงอันดับต้นๆ ทางการต้องการตัวเขาเป็นอย่างมาก มเหศวรไม่เคยถูกจับได้ ทุกครั้งที่ออกปล้น มีการวางแผน ไปมาแบบไร้ร่องรอยจนมีคนเล่าว่ามเหศวรเหมือนหายตัวได้” 

 


 

“ร.อ.ทัตเทพ”  รับบทโดย “เอม-ภูมิภัทร ถาวรศิริ”

The Character: 

นายทหารหนุ่มรุ่นใหม่อนาคตไกล คือหัวหน้าหน่วยรบพิเศษโดยมีภารกิจหลักคือการแทรกซึมสืบสวนสอบสวน ผู้ปิดตำนานเสือด้วยยุทธวิธีการรบ เปี่ยมไปด้วยความสามารถในการใช้อาวุธทุกรูปแบบทั้งปืนสั้น ปืนยาว อาวุธหนัก เปรียบ “ขุนพันธ์” ดุจไอดอล เป็นผู้ร่วมอุดมการณ์ในภารกิจถล่มชุมเสือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเคียงข้างกับขุนพันธ์ตั้งแต่เริ่มต้น

Star’s Quote:

“ถ้า ‘ขุนพันธ์’ เป็นแบทแมน ‘ทัตเทพ’ ก็เป็นโรบิน เขาเป็นเหมือนคู่หูที่มีภารกิจสำคัญคือปราบสองโจรที่สำคัญที่สุดแห่งยุคนั่นคือ ‘เสือมเหศวร’ และ ‘เสือดำ’ ทัตเทพเติบโตมาพร้อมวีรกรรมของขุนพันธ์ การร่วมภารกิจนี้เปรียบได้กับฝันที่เป็นจริง สิ่งที่เขาเชื่อมั่นในการทำภารกิจก็คือเขาจะไม่เลือกวิธีการในการทำให้มันสำเร็จ”

Spotlight:

เพื่อสวมตัวละคร “ทัตเทพ” ส่งผลให้ “เอม ภูมิภัทร” ต้องเข้าเรียนเวิร์กช็อปในการใช้อาวุธปืนเบื้องต้นทั้งปืนสั้น ปืนยาว ฟิตร่างกาย เพิ่มน้ำหนักตัว และตลอดการถ่ายทำไม่มีฉากไหนง่าย เพราะนอกจากจะต้องเผชิญกับฉากแอ็กชันเป็นตัวละครที่ร่วมตะลุยเคียงข้างไปกับ “ขุนพันธ์” ในทุกโลเคชันตลอดหนึ่งปี ตั้งแต่บุกป่า ฝ่าเขา ลุยน้ำ ล่องแก่ง พายเรือ ล่องแพ ปืนผา ไม่ว่าจะเป็น อุทยานแห่งชาติแม่จริม, วังศิลาแลง ที่มีความเชี่ยวกรากและอันตรายในระดับ 3 ที่จังหวัดน่าน, สระบุรี ไปจนถึงการเผชิญกับระเบิด ห่ากระสุน ท่ามกลางอุณหภูมิเดือดกว่า 42 องศา ที่กาญจนบุรี ฯลฯ

Director’s View:

‘ผู้กองทัตเทพ’ นายทหารหนุ่มที่ไม่เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์มนตร์ดำ เชื่อมั่นในยุทธวิธีการเมืองยุทธศาสตร์ มีความคิดแบบทหาร ฉลาดทั้งบู๊และบุ๋น เชี่ยวชาญเรื่องวางแผนกลยุทธ์ คือตัวละครที่ร่วมต่อสู้และเข้ามาเป็นบัดดี้กับ ‘ขุนพันธ์’ สำหรับ ‘เอม’ นั้นมีวิธีแสดงที่ดีมาก เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่ผมว่าน่าจับตามอง เขาแสดงเป็นตัวละครทัตเทพที่เหนือความคาดหมาย เราไม่ได้อยากได้ภาพของทหารที่ดูแข็งไปหมด เราอยากได้ทหารที่มันซอฟต์ที่สามารถทำให้ขุนพันธ์ร่วมรบไปกับเขาได้ ซึ่งเอมทำได้ดีมากทั้งในแง่ของดราม่า แอ็กชัน การปลดปล่อยอารมณ์ ทุกอย่างเลย เวลาเห็นเอมเข้าฉากกับ ‘อนันดา’ แล้วสนุก”

 


 

“สาวิตรี” รับบทโดย “ฟ้า-ษริกา สารทศิลป์ศุภา”

The Character: 

หมอสาวคนแกร่งเปรียบดั่งดอกฟ้าในชุมเสือ ใช้ชีวิตในการช่วยเหลือผู้คนโดยไม่เกี่ยงว่าเป็นตำรวจหรือพวกเสือโจรนอกกฎหมาย มีความคิดแบบคนรุ่นใหม่ มีอุดมการณ์ ต้องการลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงสังคม มีความรักและเห็นอกเห็นใจชีวิตผู้คนตามจรรยาบรรณในความเป็นหมอ เธอลุกขึ้นมาเป็นโจรด้วยเหตุผลคือเพื่อปล้นชีวิตคืน

Star’s Quote:

‘สาวิตรี’ หญิงสาวที่ถูกลักพาตัวมายังชุมโจรเพื่อรักษาผู้คนจากโรคระบาด มีความรัก เมตตาในความเป็นหมอสูงมาก ยอมทุ่มเทชีวิตจิตใจในการรักษาชีวิตผู้คนทุกคน โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นคนดี คนจน คนเลว คนชั่ว ถ้าเป็นคนไข้ รักษาหมด”

Spotlight:

การรับบทตัวละครเป็นหมอท่ามกลางภาวะในยุคสมัยสงครามทำให้ต้องเข้าใจพื้นฐานในวิชาชีพหมอตั้งแต่พื้นฐานการปฐมพยาบาล รูปแบบของบาดแผล อาการบาดเจ็บต่างๆ ในยุคสมัยนั้น การเป็นหมอในชุมโจรที่ใช้ชีวิตท่ามกลางดงกระสุน ทำให้ต้องมีการเสริมทักษะการแสดงในส่วนของแอ็กชัน เรียนรู้ความปลอดภัย เบสิกพื้นฐานการเป็นสตันต์ เพราะบท “สาวิตรี” ต้องเผชิญทั้งตำรวจ เสือ ทหาร กองทัพ ปืน เลือด และระเบิด รวมไปถึงสัตว์ร้ายซึ่งเป็นประสบการณ์การทำงานในรูปแบบที่ “ฟ้า ษริกา” ไม่เคยเจอหรือสัมผัสความเดือดสุดขั้วแบบนี้มาก่อนในชีวิต

Director’s View:

“ตัวละคร ‘สาวิตรี’ คุณหมอประจำชุมโจร นางฟ้าชุดขาว มือซ้ายถือเข็มฉีดยา มือขวาถือปืน ในกระเป๋าพยาบาลมีทั้งมอร์ฟีน เข็มฉีดยา เข็มเย็บแผล รวมทั้งปืนและแมกกาซีน โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการช่วยชีวิตผู้คน ในฐานะของหมอ ทุกชีวิตมีค่าต่อให้จะเป็นโจรหรือตำรวจ คือทั้งช่วยคนทั้งฆ่าคนในเวลาเดียวกัน ฟ้าแสดงดีมาก มีเสน่ห์ ฟ้าเป็นคนที่แปลงร่างได้หลายอย่างทางด้านการแสดง หรือจะเอาเรื่องความทุ่มเท ก็ต้องบอกว่าเรื่องนี้สาหัสสากรรจ์นะครับ ขนาดฟ้ายังบอกว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเล่นอะไรที่มันโหดร้ายกันขนาดนี้ ดุเดือด เละเทะ แต่ฟ้าสู้นะ สู้แล้วสู้อีก”

 

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนมาร่วมพิพากษาอาคมและระเบิดความมันส์เดือดระอุทะลุจอไปกับบทสรุปของไตรภาคแอ็กชันฮีโร่ไทยฟอร์มยักษ์ “ขุนพันธ์ 3” 1 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

 

ขุนพันธ์ 3 (Khun Pan 3)

ขุนพันธ์ 3 (Khun Pan 3)

ศรัทธาคลั่ง อาคมเดือด สู่วันพิพากษาด้วยอาคม! ในปี พ.ศ. 2493 บ้านเมืองได้รับผลกระทบจากสงคราม ชุมโจรเสือร้ายยังคงชุกชุมไปทั่วทุกหนแห่ง “ขุนพันธ์” (อนันดา...

รายละเอียดภาพยนตร์

Featured News