ถ้าพูดถึงแอ็กชันสตาร์ตัวพ่อที่ฟอร์มดีไม่มีตก และเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีของคอหนังแอ็กชัน รับรองได้ว่าจะต้องมีชื่อของนักแสดงชาวไอร์แลนด์อย่าง “เลียม นีสัน” อยู่ในลิสต์อันดับต้นๆ อย่างแน่นอน จากผู้ชายที่มีความฝันอยากเป็นครูและได้มีโอกาสได้ทำงานในสายอาชีพนั้นจริงๆ จนวันหนึ่งทุกอย่างเปลี่ยนผันไปเมื่อเขาได้เริ่มต้นเป็นนักแสดงละครเวที และเข้าตาผู้กำกับ “จอห์น บัวร์แมน” ทำให้เลียมได้แสดงบทเด่นในภาพยนตร์เรื่อง “Excalibur” เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1981 และได้เริ่มเข้าสู่เส้นทางการเป็นนักแสดงฮอลลีวูดอย่างเต็มตัว
กล่าวได้ว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้ “เลียม นีสัน” เป็นที่รู้จักและโด่งดังเป็นอย่างมาก นั่นคือการได้แสดงบท “ออสการ์ ชินด์เลอร์” ในภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ “Schindler’s List” (1993) ของผู้กำกับระดับตำนานอย่าง “สตีเวน สปิลเบิร์ก” โดยสปิลเบิร์กประทับใจการแสดงของเลียมมาจากละครเวทีเรื่อง “Anna Christie” ความมีเสน่ห์ในแบบที่ผู้หญิงจะตกหลุมรัก ความเข้มแข็ง และหลายๆ ส่วนที่เหมือนออสการ์ ชินด์เลอร์ทำให้เขาคว้าบทนักแสดงนำของภาพยนตร์เรื่องนี้ตัดหน้า “เมล กิบสัน” และ “เควิน คอสต์เนอร์” ไปได้แบบไม่มีข้อกังขา
ต่อมาเลียมยังได้ร่วมทำงานกับ “จอร์จ ลูคัส” ผู้ให้กำเนิดและผู้สร้างมหากาพย์สงครามอวกาศให้โด่งดังไปทั่วโลกกับบทบาทของ “อาจารย์เจไดไควกอน จินน์“ ในภาพยนตร์มหากาพย์ฟอร์มยักษ์ “Star Wars: Episode I-The Phantom Menace” (1999) ซึ่งเป็นการเริ่มต้นบทบาทแอ็กชันดราม่าที่ครองใจผู้ชมจำนวนมาก และส่งให้เขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเลียมก็เคยร่วมแสดงในภาพยนตร์รักขึ้นหิ้งอย่าง “Love Actually“ (2003) ในบท “แดเนียล” พ่อม่ายหนุ่มผู้อบอุ่นซึ่งสะท้อนชีวิตจริงของเขาเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้เลียมยังร่วมแสดงนำในหนังไตรภาคบล็อกบัสเตอร์ “Batman Begins” (2005) กับบทบาทของ “เฮนรี ดูคาร์ด” อาจารย์ผู้ฝึกสอนการสู้รบให้กับ “บรูซ เวย์น” ซึ่งเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกกับผู้กำกับคุณภาพระดับโลก “คริสโตเฟอร์ โนแลน” และอีกหนึ่งบทบาทที่ทุกคนอาจไม่คาดคิดมาก่อน เพราะนอกจากเขาจะแสดงนำในภาพยนตร์หลากหลายแนวมาแล้วมากมาย เลียมยังร่วมพากย์เสียงเป็น “อัสลาน” สิงโตเจ้าป่าในภาพยนตร์แฟนตาซีฟอร์มยักษ์ “The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe” (2005) และให้เสียงเป็น “มอนสเตอร์” อสุรกายต้นไม้ยักษ์ในภาพยนตร์แฟนตาซีผจญภัยเรื่อง “A Monster Calls” (2016) อีกด้วย
และภาพยนตร์ที่พลิกบทบาทและยืนยันความเป็นแอ็กชันสตาร์สของ “เลียม นีสัน” จนทำให้เขาแจ้งเกิดพร้อมกับฉายา “เจ้าพ่อสายแอ็กชัน” ก็คือบทบาทของ “ไบรอัน มิลส์” อดีตซีไอเอสุดโหดที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อลูกสาวสุดที่รักในภาพยนตร์แอ็กชันไตรภาคเรื่อง “Taken” (2008), “Taken 2” (2012) และ “Taken 3” (2014) ส่งให้เลียมขึ้นแท่นเป็นพระเอกแอ็กชันที่ไม่มีใครเทียบเท่าได้ ต่อเนื่องด้วยการรับบทบู๊สุดเดือดในโลกภาพยนตร์อย่างไม่ขาดสายไม่ว่าจะเป็น “Non-Stop“ (2014), “Run All Night” (2015), “The Commuter“ (2018) และ “Honest Thief” (2020) รวมถึงการพลิกคาแร็กเตอร์อีกครั้งในการรับบท “ไฮที” หัวหน้าเอ็มไอบีสาขาลอนดอนผู้เป็นที่นับถือของทุกคนในหนังแอ็กชันคอมเมดี้ไซไฟอย่าง “Men in Black: International“ (2019)
ล่าสุด 28 ตุลาคมนี้ “เลียม นีสัน” จะกลับมาพร้อมกับปฏิบัติการท้านรกในหนังแอ็กชันมหันตภัยฟอร์มยักษ์ “The Ice Road เหยียบระห่ำ ฝ่านรกเยือกแข็ง” กับเรื่องราวของหายนะครั้งใหญ่เมื่อเหมืองเพชรทางตอนเหนือของแคนาดาเกิดถล่ม ทำให้คนขับรถบรรทุกสิบแปดล้อประสบการณ์สูงอย่าง “ไมค์” (เลียม นีสัน) ต้องนำทีมกู้ภัยซิ่งฝ่ามรสุม 300 ไมล์ข้ามมหาสมุทรเยือกแข็งกู้ชีวิตชาวเหมือง 26 ชีวิตที่ติดอยู่ใต้ดินก่อนที่ออกซิเจนจะหมดภายในเวลา 30 ชั่วโมง พร้อมฝ่าทุกอุปสรรคซึ่งสภาพอากาศอันเลวร้ายอาจไม่ใช่อันตรายเพียงหนึ่งเดียว! แท็กทีมความระห่ำกับนักแสดงมากความสามารถอย่าง “ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น” (The Matrix, John Wick 2) และ “เบนจามิน วอล์กเกอร์” (In the Heart of the Sea) ผลงานการกำกับของ “โจนาธาน เฮนสลีห์” (โปรดิวเซอร์ Armageddon, Con Air)
ตัวอย่างหนังและคลิปเหยียบระห่ำ: https://bit.ly/3BFvodK