ถ้าคือคุณคือแฟนหนังฮ่องกงและหนังเอเชียตัวจริง ไม่ควรพลาด “8 ภาพยนตร์คุณภาพ” ใน “งานภาพยนตร์ฮ่องกง 2025” (Hong Kong Film Gala Presentation) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม – 3 กันยายน 2568 ณ โรงภาพยนตร์ “House สามย่าน” (ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์) คลิกจองตั๋วได้แล้ว
“Papa” (2024)
ผู้กำกับ: ฟิลิป หยุง / นักแสดง: หลิวชิงหวิน (ฌอน หลิว), โจ คุก, ดีแลน โซ
ประเภท: ดราม่า, อาชญากรรม / ความยาว: 131 นาที
รอบฉาย: 29 สิงหาคมนี้ เวลา 19:05 และ 19:15 น. (รอบนี้ Q&A กับ “เอมี ชิน” (โปรดิวเซอร์) และ “ดีแลน โซ” (นักแสดงนำ) หลังจบภาพยนตร์)
เรื่องย่อ:
ชีวิตอันเรียบง่ายของ “หนิน” เจ้าของคาเฟ่เล็กๆ ต้องแตกสลายไปตลอดกาลเมื่อ “หมิง” ลูกชายวัยสิบห้าปีของเขาได้ใช้มีดฆ่าแม่และน้องสาวของตนเองในค่ำวันหนึ่ง หมิงถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคจิตเภทขั้นรุนแรง และถูกส่งตัวเข้าสถานพยาบาลจิตเวชภายใต้การควบคุมของรัฐและต้องอยู่ในนั้นจนกว่าจะหายดี
นับแต่นั้นหนินก็ดำเนินชีวิตเหมือนคนหมดอาลัย หากไม่นับเวลาที่ได้ไปเยี่ยมลูกชายเดือนละสองครั้ง ขณะเดียวกันความทรงจำในอดีตถึงภรรยา ลูกสาว และลูกชายก็คอยเข้ามาหลอกหลอนในหัวของเขา เมื่อเวลาผ่านไปหนินเลิกล้มที่จะหาเหตุผลของโศกนาฏกรรม เขาหวังแค่เพียงว่าวันหนึ่ง ลูกชายผู้เป็นครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่ และเป็นผู้ฆาตกรรมคนอื่นในครอบครัวของเขาจะได้กลับมาบ้านอีกครั้ง
ประวัติผู้กำกับ:
“ฟิลิป หยุง” เป็นผู้กำกับ นักเขียนบท และผู้ควบคุมงานสร้างหนังของฮ่องกง หยุงทำงานในแวดวงภาพยนตร์และโทรทัศน์อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1998 ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาคือ “Glamourous Youth” (2009) ทำให้เขาได้เข้าชิงรางวัล “ผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยม” ของ “ฮ่องกงฟิล์มอวอร์ดส์ ครั้งที่ 29” (2010 Hong Kong Film Awards) ส่วนผลงานที่สร้างชื่อคือ “Port of Call” ที่ได้รับคำชื่นชมอย่างมากในวงกว้างในปี 2015 ได้รางวัล “บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” ของ “ฮ่องกงฟิล์มอวอร์ดส์ ครั้งที่ 35” (2016 Hong Kong Film Awards) และ “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” ของ “สมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์ฮ่องกงครั้งที่ 22” (2016 Hong Kong Film Critics Society Awards) ผลงานในช่วงเร็วๆ นี้ของหยุงคือ “Where the Wind Blows” (2023) และ “Penny Pinchers” (2024) นอกจากนี้เขายังรับหน้าที่ควบคุมงานสร้างหนังอย่าง “The Sparring Partner” (2022) และ “Cyclone” อีกด้วย
“Montages of a Modern Motherhood” (2025)
ผู้กำกับ: โอลิเวอร์ ฉานสิวกุน / นักแสดง: เฮดวิก ทัม, โลชุนยิป, แปงฮั่งอิง, เพตรา โอชิงหมั่น, ฝุ่งซู่โป
ประเภท: ดราม่า / ความยาว: 112 นาที
รอบฉาย: 30 สิงหาคมนี้ เวลา 16:00 น. (พิเศษ Q&A ท้ายรอบกับนักแสดง “โลชุนยิป”)
เรื่องย่อ:
“ซุกจิ้ง” ได้ลูกสาวตัวน้อยเข้ามาสู่ชีวิตเมื่อไม่นานนี้โดยไม่ตั้งใจ แล้วชีวิตของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย เธอต้องเครียดหนักกับการดูแลลูกน้อยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทุกวัน ขณะที่สามีของเธอไม่เคยเข้ามามีส่วนช่วยเหลือ เธอยังต้องรับมือกับความขัดแย้งกับครอบครัวของสามี ร่างกายที่เปลี่ยนไปหลังคลอด แล้วผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของเธอก็กลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย หลังจากที่ต้องเลี้ยงลูกตัวคนเดียวท่ามกลางคืนอันยาวนาน ไม่รู้เหมือนกันว่ารุ่งอรุณจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอตามมา
ประวัติผู้กำกับ:
“โอลิเวอร์ ฉานสิวกุน” เป็นผู้กำกับและนักเขียนบทที่ทำงานอยู่ในฮ่องกง ผลงานเรื่องแรกของเธอคือ “Still Human” (2018) ได้รับเลือกให้ไปฉายในหลายเทศกาลภาพยนตร์ และทำให้เธอได้มาหลายรางวัล ทั้งจากในประเทศและระดับอินเตอร์ รวมถึงรางวัล “ผู้กำกับหน้าใหม่” ของรางวัล “ฮ่องกงฟิล์มอวอร์ดส์ ครั้งที่ 38” (2019 Hong Kong Film Awards) และรางวัล “เอเชียนฟิล์มอวอร์ดส์ ครั้งที่ 13” (2019 Asian Film Awards)
“Cesium Fallout” (2024)
ผู้กำกับ: แอนโทนี ปุน / นักแสดง: หลิวเต๋อหัว, ไป๋อวี่, คาเรน ม็อก
ประเภท: หายนะ, ดราม่า / ความยาว: 136 นาที
รอบฉาย: 30 สิงหาคมนี้ เวลา: 18:45 (Q&A ท้ายรอบ)
เรื่องย่อ:
“ความกล้าเป็นดั่งไฟ” – “เบนจามิน ดิสราเอลี” เคยกล่าวไว้ นับตั้งแต่อดีตกาล “ไฟ” และ “การต่อสู้กับเปลวไฟ” ได้ช่วยหล่อหลอมให้เกิดผู้กล้าหาญและวีรบุรุษ เหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นช่วงต้นศตวรรษที่ 21 ทีมนักผจญเพลิงผู้กล้าหาญ ซึ่งนำโดย “คิต หลี่” และ “ไซมอน ฟ่าน” ได้เดิมพันด้วยทุกอย่างที่พวกเขามีเพื่อดับเพลิงนรกที่โหมไหม้ลานขยะรีไซเคิลใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของฮ่องกง ขณะที่ต้องฝ่าอัคคีพิโรธขนาดมหึมาที่อยู่ตรงหน้า บุคลิกที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ของคิตได้กลายเป็นภาพแทนถึงความกล้าหาญอย่างไม่ย่นย่อของทีมนักผจญเพลิงฮ่องกง และยังเป็นสัญลักษณ์ของการยอมเสียสละส่วนตนที่พวกเขาและประชาชนชาวฮ่องกงยินดีที่จะอุทิศเพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา
ประวัติผู้กำกับ:
“แอนโทนี ปุน” เป็นผู้กำกับภาพรุ่นลายครามที่โด่งดังด้านการมีสายตาอันเฉียบคมและงานภาพอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมีส่วนในการสร้างสรรค์หนังฟอร์มยักษ์ทำเงินหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น “Heroic Duo” (2003), “New Police Story” (2004), “Leaving Me, Loving You” (2004), “Divergence” (2005), “Rob-B-Hood” (2006), “Invisible Target” (2007), “Connected” (2008), “Overheard 1-3” (2009-2014), “Shaolin” (2011), “The White Storm” (2013) และ “Monster Hunt 1-2” (2015-2018)
จากการเป็นที่ยอมรับในวงการจากงานด้าน “การกำกับภาพ” ทำให้เขาได้เข้าชิงรางวัล “ฮ่องกงฟิล์มอวอร์ดส์” ในสาขา “กำกับภาพยอดเยี่ยม” ถึง 12 ครั้ง และได้รางวัลมาแล้ว 2 ครั้งจาก “The Silent War” (32nd Hong Kong Film Awards / 2013) และ “The Goldfinger” (42nd Hong Kong Film Awards / 2024)
ปุนเริ่มต้นงานกำกับภาพยนตร์ครั้งแรกร่วมกับ “อลัน มัก” ใน “Extraordinary Mission” (2017) ส่วนผลงานเดี่ยวเรื่องแรกของเขาคือ “One More Chance” (2023) ซึ่งนำแสดงโดยนักแสดงดังระดับอินเตอร์อย่าง “โจวเหวินฟะ”
“Fight for Tomorrow” (2025)
ผู้กำกับ: เฉินต้าลี่ / นักแสดง: ถันเย่าเหวิน (แพทริค ถั่ม), หลินเจียซี (ล็อกเกอร์ หลั่ม), อิงจื่อเยว่
ประเภท: ดราม่า, แอ็กชัน / ความยาว: 101 นาที
รอบฉาย: 31 สิงหาคมนี้ เวลา 16:15 น.
เรื่องย่อ:
“เชกซัมเหลิง” ได้กลับคืนสู่วงการนักเลงอีกครั้งหลังจากหายหน้าไปนาน เขาได้เจอลูกชายซึ่งตอนนี้ได้หันมาเอาดีทางชกมวยไทยเพราะได้แรงบันดาลใจจากพ่อ นักชกสองรุ่นได้ฝ่าฟันอุปสรรคอันยากลำบากช่วงโควิดมาด้วยกัน แต่ในขณะที่อาชีพของซัมเหลิงกำลังจะกลับมาเข้ารูปเข้ารอย ความลับสำคัญของลูกชายก็ถูกเปิดเผยออกมา ทำให้ลูกชายของเขาต้องกลายเป็นเหยื่ออันธพาลอีกครั้งเพราะบรรดาอดีตพี่น้องร่วมแก๊งของเขา และเพื่อให้ลูกชายได้มีอนาคต ซัมเหลิงจึงต้องตอบโต้กลับแบบหมาจนตรอก
ประวัติผู้กำกับ:
“เฉินต้าลี่” เป็นผู้กำกับและนักเขียนบทชาวฮ่องกง หลังจากเรียนจบด้านภาพยนตร์ เขาก็ทำงานเป็นนักเขียนบทให้หนังหลายเรื่อง โดยได้มีโอกาสร่วมงานกับผู้กำกับอย่าง “วิลสัน ยิป” จากหนังชุด “Ip Man” (2008-2019) และ “เจิ้งป๋อไช่” จาก “Twilight 0f the Warriors: Walled In” (2024)
ในปี 2017 เฉินได้มีผลงานกำกับหนังเป็นครั้งแรกด้วย “Tomorrow Is Another Day” และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “ผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยม” ของ “ฮ่องกงฟิล์มอวอร์ดส์ ครั้งที่ 37” (2018) หลังจากนั้นเขาก็กำกับหนังบู๊อาชญากรรรมที่ดุเดือดเข้มข้นอย่าง “Fierce Cop” (2022) และ “Fight for Tomorrow” (2025)
“Last Song for You” (2024)
ผู้กำกับ: จิล เหลียง / นักแสดง: เจิ้งอีเจี้ย, เอียน เฉิน, สวี่เอินอี๋ (นาตาเลีย สวี่), เซซิเลีย ชอย
ประเภท: รักโรแมนติก, ดราม่า, แฟนตาซี / ความยาว: 110 นาที
รอบฉาย: 31 สิงหาคมนี้ เวลา 18:10 น.
เรื่องย่อ:
ฤดูร้อนนั้น สาวน้อย “ฮาหมั่นหวน” กับหนุ่มน้อย “ซูซิงหว่า” ได้พบและผูกพันกันผ่านความรักในเสียงเพลง และเฝ้าคำนึงว่าความรักนี้จะพาพวกเขาทั้งคู่ไปไกลแค่ไหน หลายปีต่อมา ซูเติบโตเป็นนักดนตรี และได้พบกับฮา รักแรกของตนเองอีกครั้งที่โรงพยาบาล ในวันที่ชีวิตกำลังตกต่ำ ฮาซึ่งกำลังป่วยหนักเห็นว่าอีกฝ่ายดูเปลี่ยนไปมาก จึงตัดสินใจมอบของขวัญก่อนจากลา ด้วยการส่งเขาออกเดินทาง และหวังว่ามันจะเติมไฟให้ชีวิตของเขาได้
ประวัติผู้กำกับ:
“จิล เหลียง” เป็นนักเขียนบทชาวฮ่องกงและผู้กำกับหน้าใหม่ เขาเคยมีส่วนร่วมกับหนังดังอย่างหนังชุด “SPL 2-3” (2015-2017) และ “Ip Man 3-4” (2015-2019) ในฐานะผู้เขียนบท เคยทำงานร่วมกับ “วิลสัน ยิป” มาหลายปี “Last Song for You” เป็นผลงานแรกของเขาในฐานะผู้กำกับ
“Four Trails” (2025)
ผู้กำกับ: โรบิน ลี / นักแสดง: สโตน จาง, นิกกี้ แฮน, ซาโลมอน เวตสไตน์, แจ็กกี้ เหลียง
ประเภท: สารคดี / ความยาว: 101 นาที
รอบฉาย: 1 กันยายนนี้ เวลา 19:30 น.
เรื่องย่อ:
ในยุคหนึ่งว่ากันว่าไม่มีใครทำได้ แต่ในปี 2012 “อันเดร บลัมเบิร์ก” ได้ตั้งใจที่จะแข่งวิ่งเทรลระยะทางไกลอันโด่งดังทั้ง 4 รายการของฮ่องกงให้ได้ภายใน 4 วัน ซึ่งเท่ากับต้องวิ่ง 298 กิโลเมตร และวิ่งขึ้นที่ชันอีก 14,500 เมตร ต่อมาบลัมเบิร์กก็ทำให้หนึ่งในการแข่งขันวิ่งมาราทอนที่หินที่สุดของโลกที่มีชื่อว่า “Hong Kong Four Trails Ultra Challenge” ได้ถือกำเนิดขึ้น
“Four Trails” คือหนังที่จะพาผู้ชมเดินทางไปพบเรื่องรางการแข่งขันวิ่งเทรลหฤโหดนี้จากวันที่แนวคิดกำเนิดขึ้นครั้งแรก มาจนถึงรูปแบบการแข่งขันในปัจจุบัน โดยมีการแข่งขันปี 2021 เป็นฉากหลัง ผู้ที่เข้าเส้นชัยโดยใช้เวลาต่ำกว่า 60 ชั่วโมงก็จะถูกยกให้เป็น “ฟินิชเชอร์” และหากต่ำกว่า 72 ชั่วโมงก็จะเป็น “เซอร์ไวเวอร์” โดยกฎของการแข่งขันก็ยากขึ้นและพัฒนาขึ้นตลอดอย่างไม่หยุด หนังจะพาผู้ชมไปเจาะลึกการแข่งขันวิ่งเทรลอันโด่งดังทั้ง 4 เส้นทาง ซึ่งเป็นที่มาของการแข่งขันครั้งนี้ ผู้ชมจะทั้งหัวเราะและร้องไห้ไปกับเรื่องราวอันน่าทึ่งของผู้ที่หาญกล้ามาลงแข่ง
ประวัติผู้กำกับ:
“โรบิน ลี” เป็นผู้กำกับหนังและผู้กำกับภาพที่เกิดและเติบโตในฮ่องกง ทักษะการทำหนังของเขาเห็นได้จากการที่ผ่านงานวิดีโอมาหลายแขนงมาก ตั้งแต่หนังโฆษณา สารคดี วิดีโอแนะนำแบรนด์สินค้า โซเชียลมีเดีย งานอีเวนต์ และมากกว่านั้นหนัง “Four Trails” ทำให้เขาได้รางวัล “ผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยม” ของ “ฮ่องกงฟิล์มอวอร์ดส์ ครั้งที่ 43” (2025) มาครอบครอง
“Shanghai Blues” (4K Restoration) (1984 / 2024)
ผู้กำกับ: ฉีเคอะ / นักแสดง: เคนนี บี, ซิลเวีย จาง, เยี่ยเชี่ยนเหวิน, หลี่ลี่เจิน (ลอเล็ตตา ลี)
ประเภท: ตลก, โรแมนติก / ความยาว: 103 นาที
รอบฉาย: 2 กันยายนนี้ เวลา 19:30 น. (ฉาย 2 รอบพร้อมกันที่โรง 3 และ 4)
เรื่องย่อ:
คืนหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ปี 1937 “ถังกัวหมั่น” และ “ซูเพ่ยหลิง” ได้บังเอิญมาพบกันใต้สะพานท่ามกลางความมืดขณะหลบหนีการโจมตีทางอากาศของญี่ปุ่น พวกเขาสัญญาว่าจะกลับมาพบกันอีกที่ใต้สะพานแห่งนั้นเมื่อสงครามสิ้นสุดลง แต่ต้องแยกจากกันก่อนที่จะได้บอกชื่อของกันและกัน
หลังสงครามสิ้นสุด พวกเขาได้กลับมายังเซี่ยงไฮ้อีกครั้ง แต่เหมือนชะตาเล่นตลก พวกเขาอาศัยอยู่ในตึกเดียวกัน แต่จำกันไม่ได้ ซูได้รับเด็กสาวไร้บ้านคนหนึ่งมาอาศัยอยู่ด้วย และเธอก็เกิดหลงรักถัง เรื่องราวรักสามเส้าของคนทั้งสามจึงเกิดขึ้น
“Shanghai Blues” เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่สร้างโดยบริษัทหนังฮ่องกงชื่อ “ฟิล์ม เวิร์กชอป” ก่อตั้งโดยผู้กำกับ “ฉีเคอะ” และ “ซื่อหนานเชิง” ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ชื่อดัง
ประวัติผู้กำกับ:
“ฉีเคอะ” เป็นที่รู้จักในฐานะคนทำหนังจีนรุ่นใหญ่ ผู้ที่ได้รับรางวัลทรงเกียรติมามากมาย ทั้งจากเวทีรางวัล “ฮ่องกงฟิล์มอวอร์ดส์”, รางวัล “ม้าทองคำ” ของไต้หวัน และรางวัลจาก “เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส”
เกือบ 40 ปีในอาชีพที่มีความโดดเด่น ฉีเคอะได้กำกับหนังไปกว่า 50 เรื่อง และร่วมงานกับคนในวงการระดับมือพระกาฬมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “หูจินฉวน”, “หยวนหวูผิง”, “จอห์น วู”, “จอห์นนี ตู้”, “ริงโก แลม”, “หลี่เหลียนเจี๋ย”, “จางมั่นอวี้”, “โจวซิงฉือ”, “หลินชิงเสีย” ฯลฯ
ฉีเคอะไม่เพียงมีผลงานที่สะกดผู้ชมทั่วโลก แต่ยังได้เปิดเส้นทางใหม่ๆ ให้วงการด้วยวิทยาการและศิลปะทางภาพยนตร์อันบ้าบิ่น และยังมีวิสัยทัศน์อันเฉียบคมด้านกระแสภาพยนตร์และการสร้างนักแสดงรุ่นใหม่ ทำให้เขากลายเป็น “หนึ่งในคนทำหนังที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก”
The Flower Princess Part 1 (2025)
ผู้กำกับ: ฟู่ซิงชุง / ประเภท: แอนิเมชัน / ความยาว: 91 นาที
รอบฉาย: 3 กันยายนนี้ เวลา 19:30 น.
เรื่องย่อ:
“The Flower Princess” เป็นหนังแอนิเมชันสุดสะเทือนใจที่ดัดแปลงจากตำนานรักของ “องค์หญิงฉางผิง” แห่งราชวงศ์หมิง กับพระคู่หมั้น “โจวซื่อเสี่ยน” ทั้งคู่ได้รับอนุญาตให้หมั้นกัน แต่กลับต้องพรากจากกันเมื่อราชวงศ์หมิงล่มสลาย และ “ฮ่องเต้ฉงเจิน” พระบิดาของฉางผิงถูกกองกำลังกบฏโค่นอำนาจ องค์หญิงรอดตายจากการที่ทุกคนในราชวงศ์และราชสำนักฆ่าตัวตายร่วมกัน แต่กลับต้องใช้ชีวิตแบบหลบซ่อนตัวภายใต้ชื่อปลอม
หลายปีต่อมา นางได้บังเอิญพบกับโจวซื่อเสี่ยนอีกครั้ง ซึ่งเขาได้วางแผนให้นางกลับคืนสู่วังเพื่อขอให้ “ฮ่องเต้ต้าชิง” ยอมให้นางฝังศพพระบิดา และปล่อยตัวน้องชายจากที่คุมขัง ฮ่องเต้ต้าชิงอนุญาตโดยมีเงื่อนไขว่านางต้องประกาศที่จะยอมตกอยู่ภายใต้อำนาจปกครองของราชวงศ์ชิง หลังจากที่ได้ทำตามเงื่อนไขแล้ว ทั้งคู่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานกันอย่างเป็นทางการ แต่ในคืนเข้าหอนั้น ณ ที่ที่พวกเขาตกหลุมรักกันครั้งแรก ทั้งคู่ตัดสินใจดื่มยาพิษด้วยกัน เพื่อเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีต่อแผ่นดินต้าหมิงที่ล่มสลาย
หนังอิงจากตำนานรักอันลื่อลั่นของจีน ซึ่งเรื่องราวของ “The Flower Princess” ได้กลายเป็นอมตะด้วยบทละครงิ้วกวางตุ้งของ “ถังตี้เชง” ที่ออกแสดงบนเวทีในฮ่องกงเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1957 และยังคงเป็นหนึ่งในการแสดงงิ้วกวางตุ้งที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับจนทุกวันนี้
ประวัติผู้กำกับ:
“ฟู่ซิงชุง” เป็นคนที่มีผลงานกับฮอลลีวูดมาอย่างโชกโชน ในฐานะที่ปรึกษาและผู้พัฒนาเทคนิคพิเศษด้านภาพของหนัง “Spider-Man 1-2” (2002-2004), “Men In Black II” (2002), “The ChubbChubbs!” (2002), “Beowulf” (2007) และหนังแอนิเมชันขนาดสั้นรางวัลออสการ์เรื่อง “Bunny” (1998) เป็นต้น และได้มีผลงานกำกับหนังแอนิเมชันเป็นครั้งแรกด้วย “Where’s the Dragon?” (2015) เขายังได้รางวัล “ม้าทองคำ” ในสาขา “เทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม” จากผลงานเรื่อง “Silk” (2006) และเข้าชิงรางวัล “ฮ่องกงฟิล์มอวอร์ดส์ ครั้งที่ 30” (2011) จากผลงานเรื่อง “Reign of Assassins” (2010)
เขาเรียนจบปริญญาจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ในสาขาฟิสิกส์วิศวกรรม และคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ และยังเป็นหนึ่งในนักวิจัยผู้ก่อตั้ง Light Measurement Laboratory สำหรับงานด้านคอมพิวเตอร์ กราฟฟิกส์ ที่คอร์เนลล์ รวมถึงเป็นผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการด้านความคิดสร้างสรรค์ที่ปักกิ่ง เทรสเชอร์ ทรี สตูดิโอ