“อนา เดอ อาร์มาส” นักแสดงสาวมากฝีมือที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากมายอย่าง “สมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์” (Screen Actors Guild Awards – SAG), “ลูกโลกทองคำ” (Golden Globe Awards), “บาฟตา” (British Academy Film Awards – BAFTA) รวมถึง “ออสการ์” (Oscars / Academy Awards) จากการรับบทเป็นนักแสดง นางแบบ นักร้อง และไอคอนอย่าง “มาริลิน มอนโร” ในภาพยนตร์เรื่อง “Blonde” (2022) และได้รับรางวัล “Hollywood Rising-Star Award” จาก “เทศกาลภาพยนตร์อเมริกันโดวิลล์” (Deauville American Film Festival) ถือเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในวงการภาพยนตร์ระดับโลก
และในปีนี้ “อนา เดอ อาร์มาส” กลับมาปล่อยพลังทางการแสดงสุดคลั่งอีกครั้งกับการรับบทเป็น “อีฟ มาการ์โร” โคตรนักฆ่าที่ยากจะหาใครโค่นล้มในภาพยนตร์แอ็กชันบล็อกบัสเตอร์นัมเบอร์วันแห่งปี “From the World of John Wick: Ballerina จักรวาลของจอห์น วิค: บัลเลรินา แค้นกว่านรก” ที่กระแสแรงกระหึ่มการันตีด้วยคะแนนรีวิวและคำวิจารณ์จากผู้ชมที่ต่างยกให้ “อนา เดอ อาร์มาส” เป็น “เพชฌฆาตสุดแกร่งที่สวยที่สุดในโลกภาพยนตร์“
จุดเริ่มต้นที่มาร่วมโปรเจกต์ “Ballerina” และอะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณตัดสินใจรับบทนี้
ฉันได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมจักรวาล “จอห์น วิค” ก่อนที่บท “Ballerina” จะเสร็จสมบูรณ์ด้วยซ้ำ นั่นเป็นรากฐานสำคัญ มันทำให้ฉันเห็นศักยภาพของตัวเอง และฉันไม่ลังเลเลยที่จะคว้าโอกาสนำแสดงในหนังเรื่องนี้ ฉันตื่นเต้นแทนแฟนๆ ที่จะได้ชมมันบนจอภาพยนตร์ มันช่างสุดยอดมาก และฉันอยากให้พวกเขาสนุกไปกับมัน มันเป็นผลงานคุณภาพ มีความเป็นธรรมชาติ และเป็นการเปิดประตูสู่จักรวาลนี้ในมุมมองใหม่ๆ
คุณคิดว่า “Ballerina” จะมอบประสบการณ์แบบไหนให้กับผู้ชม โดยเฉพาะแฟนๆ “จอห์น วิค”
เหตุการณ์ใน “Ballerina” เกิดขึ้นระหว่าง “John Wick: Chapter 3 – Parabellum” (2019) และ “John Wick: Chapter 4” (2023) ภาพยนตร์เต็มไปด้วยตัวละครที่เราคุ้นเคย รวมถึงตัวละครหน้าใหม่ที่เข้ามาก็เจ๋งไม่แพ้กัน และยังเปิดมุมมองใหม่ๆ ขยายจักรวาลนี้ผ่านสายตาตัวละครอื่นๆ ซึ่งเราจะได้เห็น “จักรวาลของจอห์น วิค” ในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ตัวละคร “อีฟ มาการ์โร” และ “จอห์น วิค” มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
หนึ่งในสิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดคือเธอจะเป็นขั้วตรงข้ามของ “จอห์น วิค” เขาต้องการออกจาก “สำนักรุสกาโรมา” แต่เธอกลับต้องการเข้าไป เธอเพิ่งเริ่มต้นและเมื่อคุณยังอายุน้อย ทุกอย่างมักเต็มไปด้วยอารมณ์ โทสะ เชื่อสัญชาตญาณ และผลักดันให้คุณทำตามใจตัวเอง ซึ่งส่งผลต่อการทำภารกิจ เธอใช้แต่ความรู้สึก และนั่นทำให้เธอทำผิดพลาดหลายครั้ง
ในการต่อสู้ฉันเป็นผู้หญิงในโลกของผู้ชาย มือสังหารที่ฉันต่อสู้ในหนังเป็นผู้ชายตัวใหญ่ๆ และฉันอยากรู้สึกแบบนั้น ฉันอยากให้ผู้ชมรู้สึกถึงหมัดทุกหมัด ลูกเตะทุกลูก ทุกอย่างที่ฉันโดนมันเจ็บ ฉันอยากถ่ายทอดมันออกมาทางกายภาพ ฉันอยากให้คนรู้สึกว่าเธอเกือบจะไม่รอด เธอหมดแรง เธอเหนื่อย เราต้องการให้ “อีฟ มาการ์โร” เข้าถึงง่ายและสมจริง เธอมีวัยเด็กที่เจ็บปวดซึ่งเปลี่ยนวิธีมองโลกของเธอไปโดยสิ้นเชิง
คุณเคยได้รับการฝึกสำหรับการแสดงแอ็กชันมาก่อนหรือไม่
ฉันผ่านการฝึกมาบ้างสำหรับโปรเจกต์อื่นๆ แต่มันค่อนข้างสั้นและเป็นเพียงการเตรียมพร้อมสำหรับการแสดงเฉพาะในเรื่องนั้นๆ ฝึกไม่เกิน 2-3 สัปดาห์เท่านั้น เหมือนประโยคเด็ดในภาพยนตร์ “No Time to Die” (2021) ที่ฉันพูดว่า “ฉันมีเวลาฝึกแค่สามสัปดาห์” นั่นเป็นเรื่องจริงเลย
การเตรียมตัวสำหรับบทบาทนี้ โดยเฉพาะฉากแอ็กชันต้องหนักหนาขนาดไหน
บทนี้เป็นบทที่ต้องใช้ศักยภาพร่างกายมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยรับมาเลย ฉันใช้เวลา 4 เดือนเพื่อฝึกก่อนการถ่ายทำ เริ่มด้วยเข้ายิมกับเทรนเนอร์ส่วนตัวเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ตามด้วยการฝึกสตันต์ 5 ชั่วโมง ปิดวันด้วยเซสชันที่สนามยิงปืน
ในวันซ้อมฉันต้องเข้ายิมเพื่อสร้างกล้ามเนื้อชั่วโมงครึ่ง ซ้อมคิวบู๊ที่ศูนย์ฝึก “87eleven Action Design” อีก 4-5 ชั่วโมง จากนั้นฝึกใช้อาวุธที่สนามยิงปืนอีก 2 ชั่วโมง ซึ่งฉันเรียนรู้ที่จะใช้อาวุธทั้งหมดในคลังแสงของ “อีฟ มาการ์โร” นอกจากนี้ยังต้องปรึกษากับนักโภชนาการอย่างใกล้ชิด ทานอาหารจำกัดแคลอรี และเมื่อเริ่มถ่ายทำใน “ปราก” ฉันก็ยังคงฝึกฝนเมื่อใดก็ตามที่ฉันไม่ต้องเข้าฉาก
มันหนักมาก มันเป็นงานที่ต้องใช้ร่างกายมาก ฉันปวดไปทั้งตัวเกือบตลอดเวลา คุณต้องอาศัยพลังใจเพื่อเดินหน้าต่อไป เอาชนะความเจ็บปวด ความเหนื่อยล้า รอยฟกช้ำ แผลพุพองที่นิ้วจากการฝึกใช้ปืน หรือจะเล็บที่หัก สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น ฉันรู้สึกเหมือนฉันฝึกที่ “สำนักรุสกาโรมา” จริงๆ แต่แม้การฝึกจะโหดมาก แต่มันช่วยจุดไฟในตัวฉัน ช่วยสร้างวินัยทางจิตใจที่ฉันไม่มีมาก่อน ฉันมีประสบการณ์เล่นหนังแอ็กชันมาบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะต้องใช้วินัยขนาดนี้เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับหนัง “Ballerina”
มีฉากแอ็กชันไหนที่ยากหรือน่าจดจำเป็นพิเศษสำหรับคุณ
ทุกฉากเลย ยากหมดเลยจริงๆ โดยเฉพาะฉากที่ถ่ายกลางแจ้งเพราะอากาศหนาวมาก ฉันต้องใส่รองเท้าที่มีหมุดติดไว้เพื่อจะได้ไม่ลื่นบนพื้นถนนที่กลายเป็นน้ำแข็ง
แต่ถ้าให้พูดถึงฉากที่ท้าทายมากๆ และสะเทือนอารมณ์คือ “ฉากปืนไฟ” วันแรกที่ทีมสตันต์ทดสอบไฟ และพวกเขาบอกให้ฉันลองยิงปืนไฟก่อนถ่ายจริง ฉันได้แต่บอกว่า “ไม่ ไม่ ไม่ ฉันไหว” โชคดีที่ทีมสตันต์ยืนกรานให้ฉันลองก่อนโดยไม่มีการบันทึกภาพ พวกเขาพาสตันต์แมนตัวหลักที่จะถูกเผามา เขาทาจาระบีหรืออะไรที่เป็นสารกันไฟตั้งแต่หัวจรดเท้า และพวกเขาบอก “โอเค ลุยได้ เอาให้เกรียม” ซึ่งฉันก็ทำแล้วก็เริ่มร้องไห้มันสะเทือนอารมณ์จริงๆ ฉันไม่เคยเห็นใครถูกเผากับตามาก่อน แม้ว่าจะเป็นแค่การแสดงก็ตาม หลังจากนั้นฉันก็ไม่เป็นไร จากนั้นฉันเผาไปอีกประมาณร้อยศพ ฉันดีใจที่ได้ซ้อมมาก่อน ได้ปล่อยโฮก่อนถ่ายจริง
การควบคุมเปลวไฟมันต่างจากอาวุธอื่น มันเคลื่อนไหวได้เองไม่เหมือนกิ่งไม้ที่ถ้าคุณขยับมันถึงจะขยับตาม มันมีดีเลย์ ยิ่งเปลวไฟยาวเท่าไหร่มันยิ่งควบคุมยากเท่านั้น มันมีการสะท้อนกลับเหมือนกัน ทีมงานต้องทาอะไรบางอย่างที่ขนตาและผมของฉันเพื่อไม่ให้มันไหม้ ต้องปรับตัวเยอะเหมือนกัน
อีกฉากที่ฉันชอบมากคือ “ฉากต่อสู้ด้วยระเบิดมือ” ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ฉันเดินทางไปกรุงปรากเพื่อทำภารกิจ ฉันอยู่ในร้านขายปืนตอนที่เหตุการณ์ปะทุขึ้น ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน มันแปลกใหม่มาก
สิ่งหนึ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับ “อีฟ มาการ์โร” คือเธอรู้วิธีใช้ของรอบตัวให้เป็นประโยชน์ เธอสามารถเปลี่ยนทุกอย่างให้กลายเป็นอาวุธพิฆาต มันเป็นไอเดียเฉียบ เพราะตอนนั้นเธอหาปืนไม่เจอ และสิ่งเดียวที่พอคว้าได้คือกล่องใส่ระเบิดมือ ซึ่งมันออกมาดีมากๆ
หนึ่งในสิ่งที่สนุกที่สุดเกี่ยวกับโลกของ “จอห์น วิค” คือการหยิบสิ่งของใกล้ตัวเป็นอาวุธ ในเรื่องนี้มีอุปกรณ์เยอะเลย คุณได้ลองเสนออะไรเข้าไปเพิ่มบ้างไหม
ฉันชอบที่เราใช้สเกตน้ำแข็งเป็นอาวุธมาก ตอนที่ผู้กำกับ “เลน ไวส์แมน” เล่าฉากนี้ให้ฉันฟัง ฉันบอกทันทีว่า “เฉียบมาก เราต้องมีนะ ต้องทำให้มันเป็นจริงให้ได้” เพราะมันยังไม่เคยมีอะไรแบบนี้มาก่อน มีแนวคิดเกี่ยวกับการต่อสู้ที่ฉันอยากหยอดลงไปในเรื่องราวและตัวละครตั้งแต่แรก คือต้องตระหนักว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่าวายร้ายผู้ชายทุกคนในหนังมาก ฉันต้องการเคารพความจริงข้อนั้น การหยิบสิ่งของใกล้มือมาเป็นอาวุธที่เป็นเอกลักษณ์ของแฟรนไชส์ “จอห์น วิค” จึงเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล ฉันชอบฉากที่ฉันเอาปืนและมีดมารวมกันโดยใช้เทปพัน มันค่อนข้างครีเอต และยังมีแบบนี้อีกมากในเรื่องนี้
คุณอยากใช้อะไรเป็นอาวุธ
ฉันรู้ว่าพวกเขาชอบเห็นผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูงและชุดกระโปรงเข้าฉากแอ็กชัน ฉันอยากใช้รองเท้าส้นสูงเป็นอาวุธ เราคงต้องหาวิธีทำให้มันใช้งานได้จริง นั่นจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว “ฉากดินสอทิ่มตา” นั้นไอคอนิกมาก แต่ก็ทำให้รู้สึกเสียวไส้ด้วย เพราะเราทุกคนมีความอ่อนไหวเกี่ยวกับดวงตา ฉันคิดว่านั่นเป็นอะไรที่กระแทกความรู้สึกผู้ชมได้อย่างมาก เป็นไอเดียที่ดีจริงๆ
การได้กลับมาร่วมงานกับ “คีอานู รีฟส์” เป็นอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในฉากต่อสู้
ฉันเคยร่วมงานกับ “คีอานู รีฟส์” มาแล้วสองครั้งใน “Knock Knock” (2015) และ “Exposed” (2016) แต่ไม่เคยโดนเขาทุ่มลงพื้นถี่ขนาดนี้มาก่อน การร่วมงานกันครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ต่างไปสิ้นเชิง
ในการเผชิญหน้ากันครั้งแรกระหว่าง “อีฟ” และ “จอห์น วิค” เขาพยายามจะเปลี่ยนใจไม่ให้เธอเดินบนเส้นทางนี้ โดยแนะนำให้เธอถอนตัวตอนที่ยังทำได้ แต่เธอไม่ยอมถอยหรอก เธอไม่ฟัง พวกเขาทั้งคู่หัวแข็งพอกัน
ฉันชอบดูคีอานูทำงานมาก ชอบความตั้งใจของเขา เขาเปิดโอกาสให้นักแสดงร่วมหาสไตล์แอ็กชันที่เข้ากับตัวเองซึ่งน่าประทับใจมาก ตอนทำงานกับเขาฉันคิดในใจว่า “หวังว่าฉันจะทำได้ซักครึ่งของเขา”
องค์ประกอบของบัลเลต์มีบทบาทอย่างไรในการฝึกฝนตัวละคร “อีฟ มาการ์โร”
ฉันเข้าใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงฝึกบัลเลต์ให้กับนักฆ่า มันเป็นหนึ่งในศาสตร์ที่ยากที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้
การทำงานร่วมกับผู้กำกับ “เลน ไวส์แมน” เป็นอย่างไรบ้าง
“เลน ไวส์แมน” เป็นคนที่พร้อมลุยจริงๆ เขามีจินตนาการกว้างไกลมาก และไม่เคยกลัวที่จะใส่ฉากแอ็กชันสุดขั้วลงไปในหนัง มันสนุกมากที่ได้เห็นวิสัยทัศน์ของเขาและฉากต่าง ๆ ที่เขาคิดไว้ บางครั้งฉันถึงกับพูดว่า “คุณพูดถึงอะไรอยู่น่ะ” หนึ่งในเสน่ห์ของจักรวาล “จอห์น วิค” คือความคิดสร้างสรรค์และความสนุกที่ใส่ลงไปในฉากแอ็กชัน และเรามีพื้นที่มากพอที่จะปล่อยให้จัดเต็มความมันส์ได้อย่างเต็มที่และไวส์แมนก็ทำได้เป็นแบบนั้นจริงๆ
คอหนังเตรียมมันส์กับการสางแค้นที่ยิ่งใหญ่สมการรอคอยใน “From the World of John Wick: Ballerina จักรวาลของจอห์น วิค: บัลเลรินา แค้นกว่านรก” ดูก่อนอเมริกา 4 มิถุนายนนี้ มันส์ทั่วประเทศทั้งเสียงไทยและเสียงอังกฤษ ในระบบปกติ, 4DX, MX4D และ Dolby Atmos