ก่อนจะได้พบกับผลงานภาพยนตร์ที่มีกระแสแรงเปรี้ยงตั้งแต่ก่อนเข้าฉาย จนเป็นที่จับตามองจากคอหนัง อย่าง “All The Money in the World ฆ่า-ไถ่-อำมหิต” เรามาทำความรู้จัก “มาร์ก วอห์ลเบิร์ก” ให้มากขึ้นกับการก้าวข้ามขั้นแอคชั่นสตาร์ที่ทุกคนคุ้นเคย เพราะ All The Money in the World นับเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่เข้มข้นที่สุดบนเส้นทางสายการแสดงของเขา และเป็นการร่วมงานครั้งแรกของเขาและผู้กำกับชั้นครู “ริดลีย์ สก็อตต์” ที่ได้ทุ่มเทไอเดียและแรงกายทั้งหมดให้กับภาพยนตร์คุณภาพฟอร์มยักษ์เรื่องนี้
1) ก้าวแรกในฐานะ “แร็ปเปอร์”
“มาร์ก วอห์ลเบิร์ก” เริ่มเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่ปี ค.ศ.1990 ด้วยการปรากฏตัวในวิดีโอเพลงของวง “นิว คิดส์ ออน เดอะ บล็อก” ซึ่งพี่ชายของเขา “ดอนนี วอห์ลเบิร์ก” ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกด้วย และเขาก็เริ่มเป็นที่รู้จักในชื่อว่า “มาร์กี้ มาร์ก” แร็ปเปอร์สุดฮิปแห่งยุคที่รวมตัวกับเพื่อนสร้างวงฮิปฮอปขึ้นมานามว่า “มาร์กี้ มาร์ก แอนด์ เดอะ ฟังกี้ บันช์”
2) จากแร็ปเปอร์ดาวรุ่งสู่นักแสดงที่น่าจับตามอง
“มาร์ก วอห์ลเบิร์ก” เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นในบทบาทของ “พลทหารทอมมี ลี เฮย์วูด” จากภาพยนตร์เรื่อง Renaissance Man (1994) ที่ถึงแม้จะเป็นส่วนเล็กๆ ในเรื่อง แต่ด้วยความหล่อที่โดดเด่นของเขาก็ทำให้ถูกจับตามอง และมีผลงานทางด้านภาพยนตร์มาอย่างต่อเนื่อง
3) การันตีคุณภาพจากทุกเวที
งานประกาศรางวัลของเวทีต่างๆ ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถวัดความนิยมและฝีมือของตัวนักแสดงได้ ทั้งทางด้านความยอดนิยมและความยอดเยี่ยม ซึ่ง “มาร์ก วอห์ลเบิร์ก” เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่ได้รับรางวัลและถูกเสนอชื่อเข้าชิงในหลากหลายสาขาจากเวทีต่างๆ มากมาย รวมไปถึงเวทีอันทรงเกียรติอย่าง “ออสการ์” และ “ลูกโลกทองคำ” จากการแสดงในสองหนังคุณภาพ The Departed, The Fighter ดังนั้นหากคุณได้ยินชื่อมาร์ก วอห์ลเบิร์กในผลงานการแสดงเรื่องไหน คงไม่ต้องตั้งข้อสงสัยในเรื่องฝีมือการแสดงอย่างแน่นอน
4) เบียดแชมป์เก่า คว้าตำแหน่ง “นักแสดงชายรายได้สูงสุดปี 2017”
ด้วยความฮอตของ “มาร์ก วอห์ลเบิร์ก” ที่ถือว่าเป็นแอคชั่นสตาร์อันดับต้นๆ ของฮอลลีวูด จากผลงานที่เป็นโปรเจกต์ระดับบล็อกบัสเตอร์ ทั้ง Transformers (Age of Extinction และ The Last Knight), Deepwater Horizon หรือแม้แต่ Planet of The Apes จึงทำให้เขาสามารถคว้าตำแหน่งนักแสดงชายที่ทำรายได้สูงสุดของปี 2017 (นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2016 ถึงมิถุนายน 2017) เบียดแชมป์เก่าปี 2016 อย่าง “ดเวย์น จอห์นสัน” หรือ “เดอะ ร็อก” ตกลงไปอยู่อันดับ 2 ได้สำเร็จ
5) บทบาทสุดท้าทาย “เฟลตเชอร์ เชส” ในผลงานล่าสุด “All the Money in the World ฆ่า-ไถ่-อำมหิต”
“มาร์ก วอห์ลเบิร์ก” เตรียมกลับมาโชว์ฝีมือการแสดงระดับคุณภาพอีกครั้งในผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่สร้างมาจากเหตุการณ์จริงของคดีเรียกค่าไถ่ช็อกโลกแห่งยุค 70 “All the Money in the World ฆ่า-ไถ่-อำมหิต” ในบทบาท “เฟลตเชอร์ เชส” อดีตสายลับที่ผันตัวมาเป็นที่ปรึกษาของ “จอห์น พอล เกตตี้” (คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์) อภิมหาเศรษฐีรวยที่สุดในโลกผู้ไม่ยอมเสียเงินค่าไถ่เพื่อหลานชาย “จอห์น พอล เกตตี้ที่ 3” (ชาร์ลี พลัมเมอร์) แม้แต่เหรียญฯ เดียว! งานนี้เฟลตเชอร์จึงต้องออกตามหาสายเลือดตระกูลเกตตี้ที่โดนลักพาตัวร่วมกับ “เกล” (มิเชลล์ วิลเลียมส์) ผู้เป็นแม่ของหนุ่มที่ถูกลักพาตัวที่พร้อมทำทุกอย่างให้ได้ลูกชายกลับมา
วอห์ลเบิร์กดำดิ่งไปกับบทในขั้นเตรียมตัว มันช่วยให้เขาเข้าใจความคิดของตัวละครที่ความภักดีและความเชื่อมั่นของเขากำลังถูกทดสอบด้วยเหตุการณ์ลักพาตัวนี้
“ผมอ่านบทออกเสียงสี่รอบต่อวัน ผมรู้บทตั้งแต่ต้นจนจบ อ่านมันไปหลายรอบจนแทบไม่ต้องนึกบทเลยระหว่างถ่ายทำ” วอห์ลเบิร์กกล่าว “เฟลตเชอร์เคยเป็นหัวหน้าฝีพายของฮาวาร์ด เคยเป็นนักประดาน้ำ หน่วยซีล เจ้าหน้าที่ซีไอเอ เขาเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทน้ำมันบริษัทอื่น ตอนที่คุณเกตตี้ตระหนักได้ว่าเขาจะเป็นประโยชน์ได้ขนาดไหน จนเขาได้เข้ามาทำงานกับเกตตี้ ออยล์เต็มเวลา”
คอหนังเมืองไทยร่วมพิสูจน์ความเยี่ยมและเรื่องราวสุดเข้มข้นไปพร้อมกันใน “All the Money in the World ฆ่า-ไถ่-อำมหิต” 22 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์