หนุ่มเจ้าเสน่ห์มากความสามารถของวงการ “ท็อป-ทศพล หมายสุข” ผ่านงานบันเทิงหลากหลายรูปแบบทั้งดีเจ พิธีกร นายแบบ และนักแสดงที่สวมบทบาทคนสีเทาได้อินเหลือร้าย หลายคนจดจำเขาได้จากซีรีส์รีเมกเรื่อง “Tunnel ปริศนาล่าข้ามเวลา” (2562) และจะไม่มีวันลืมเขาอย่างแน่นอนจากหลายบทร้ายขโมยซีนในภาพยนตร์ไทยเรื่องฮิตทั้ง4 Kings 2″ (2566), “ธี่หยด 2″ (2567) และ “วัยหนุ่ม 2544″ (2567 – คว้ารางวัล “นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม” จากเวที “คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 21″) ที่กล้าบ้าระห่ำในทุกคาแร็กเตอร์จนขึ้นแท่น “นักแสดงน่าจับตาแห่งยุค” ที่มีศักยภาพสูงอีกคนหนึ่งของวงการภาพยนตร์ไทย

ล่าสุด ท็อปได้เข้าร่วมทีม “จักรวาลขุนพันธ์” โปรเจกต์ในฝันที่เขาอยากร่วมงานด้วยมานานกับบทบาทสุดท้าทายเป็นคู่ปรับฝีมือฉกาจที่พร้อมฟาดฟัน 4 เสือ” ระดับตำนานแบบเดือดทะลุจอให้เป็นที่จดจำและถูกกล่าวขานถึงอีกครั้ง

 

 

ที่มาที่ไปในการร่วมโปรเจกต์นี้

สวัสดีครับ ผม “ท็อป-ทศพล หมายสุข” รับบทเป็น “หลวงประสาน” จากภาพยนตร์เรื่อง “เสือ”  ผมเจอ “พี่โขม” (ก้องเกียรติ โขมศิริ-ผู้กำกับ) บ่อยมาก รู้จักพี่โขมมานานมาก ผมรู้จัก “ขุนพันธ์” ตั้งแต่ภาคแรก เห็นโปรเจกต์พี่โขมใหญ่มาก เป็นหนังไทยพีเรียด มีมนตร์คาถา แอ็กชัน สุดยอดเลย ตอนนั้นผมเป็นพิธีกรเกี่ยวกับหนังและได้สัมภาษณ์แกด้วย และผมก็เคยเปรยกับพี่โขมอยู่ 2-3 รอบว่าอยากร่วมงานในหนังที่แกกำกับด้วย จนเวลาก็ผ่านไปอย่างยาวนานเรื่อยๆ น่าจะเกิน 5 ปี จนมาประจวบเหมาะเรื่องนี้แหละครับ พี่โขมก็ติดต่อมาทักมาว่าสนใจมาแสดงในโปรเจกต์นี้ไหม ผมตอบรับทันทีครับ ได้มาเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองในโปรเจกต์ของพี่โขมแล้ว ได้แลกเปลี่ยน ได้แชร์ และ Develop ตัวละครไปพร้อมกัน เห็นการทำงานหน้ามอนิเตอร์ของทีมงานเขา ที่เราตามมาอย่างยาวนาน มันภาคภูมิใจครับ เป็นเกียรติมากๆ ครับ

หลังจากนั้นก็ได้มาคุยโปรเจกต์กัน บทมันน่าน่าสนใจ และมันตื่นเต้นตรงที่ว่าเราต้องเจอกับ 4 เสือ “พี่เป้ อารักษ์”, “มาริโอ้”, “พี่โตโน่ ภาคิน” และ “พี่เวียร์ ศุกลวัฒน์” ไม่ว่าโปรเจกต์พี่โขมจะเป็นเรื่องไหน ผมก็อยากจะร่วมงานด้วยอยู่แล้วครับ

ผมตามดู “ขุนพันธ์” มาตั้งแต่ภาคแรก มันคือมาร์เวลเมืองไทย มันแฟนตาซี เอาจินตนาการของเด็กผู้ชายมาเล่นกัน ปาระเบิด ยิงกัน ต่อสู้กัน ผมมีภาพประมาณหนึ่งเวลาที่เราดูหนัง โดยเฉพาะหนังแอ็กชันสงครามทหาร ผมจะสนุกกับมันเสมอในพาร์ตของผู้ชมอย่างผม แต่ถ้าย้อนมองกลับไปในพาร์ตของโปรดักชัน มันก็เกิดความสงสัยว่าวันนั้นเขาทำงานกันยังไง ผมสงสัยมาตลอดในหนังทุกเรื่อง มันเหมือนจริงสุด มีคิวระเบิด คิวบู๊ เขาต้องนัดแนะกันเยอะมากแน่ ความอยากรู้มันทำให้เราสนุก ไม่เหนื่อยกับมัน เพราะเหนื่อยกับการทำงานเป็นเรื่องปกติ

ประเทศไทยมีผู้กำกับจำนวนไม่ได้เยอะที่สามารถเนรมิตสิ่งนี้ออกมาได้แบบพี่โขม มันมีพาร์ตเอฟเฟกต์ คิวบู๊ หรือความสมจริงที่มันค่อนข้างเยอะ มันไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมีความอดทน ละเมียดละไม เก็บรายละเอียดดี วางช็อต วางทีมงานที่มีคุณภาพที่พร้อมจะทำงานกับจินตนาการไปกับพี่โขม เขาต้องคุยกับทีม ต้องมีคนที่รู้มือรู้ใจกันจริง ทำงานกันมาอย่างยาวนาน มีคุณภาพในเวลาที่จำกัด ในทรัพยากรที่จำกัด

 

บทบาท-คาแร็กเตอร์

บท “หลวงประสาน” ในเรื่องนี้เป็นโจทย์ที่ค่อนข้างจริงจังมาก เป็นตัวร้ายที่ผมต้องทำให้มันแตกต่างจากตัวร้ายที่ผมเคยได้รับบทบาทมา คนที่เคยดูผลงานที่ผ่านมาของผม พอเห็นหน้าผมก็ต้องคิดว่าโปรเจกต์นี้มี “ท็อป ทศพล” อยู่ด้วยมันต้องร้ายอีกแน่ๆ แต่คราวนี้เราจะร้ายยังไง ผมพยายามตีความให้ร้ายในแบบที่คนไม่เคยเห็นเราเล่นมาก่อน แล้วเสือแต่ละคนเขาก็ปล่อยของเทพๆ ไปหมดแล้ว ผู้ชมรู้แล้วว่าพวกเขายิ่งใหญ่ เป็นเสือปล้นที่โลดแล่นในหนังภาคต่อมาแล้ว เราจะยืนแกนเดียวกันกับพี่ๆ เพื่อนๆ อีกหลายคนในโปรเจกต์นี้ยังไงให้สมน้ำสมเนื้อ

พี่โขมมีไอเดียให้ “กลุ่มของหลวงประสาน” เป็นกลุ่มทหารองครักษ์มาจากยุคหนึ่งที่ทหารไทยไปที่อินโดจีนหรือทหารไทยที่ถูกขนานนามว่าทหารผี เป็นกลุ่มยังเติร์กคนรุ่นใหม่ที่อยากจะเปลี่ยนแปลงนำพาประเทศเราไปในทางที่ดี โดยพื้นฐานของแก๊งเขาคือเป็นทหารมาก่อน แนวหน้าสายบู๊ วันหนึ่งเราถูกยกมานั่งอยู่ข้างๆ บุคคลสำคัญในฐานะองครักษ์ของ “จอมพลเลิศ” (ต้อม พลวัฒน์) แน่นอนครับสิ่งที่ทุกคนหวังคือไม่มีใครอยากฆ่าคนตายไปทั้งชีวิต พี่โขมบอกว่าคนบนโลกใบนี้มันไม่ได้ลืมตาออกจากท้องพ่อแม่แล้วฉันอยากจะมาเป็นตัวร้ายอันดับหนึ่งของโลก มันมีการบ่มเพาะ มีจุดเทิร์นพอยต์ของการเป็นตัวร้าย บางอย่างที่เขาทำอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันไม่ใช่สิ่งดี มันอาจจะรุนแรงหรือผิดศีลธรรม แต่เขามองว่าเขากำลังทำเพื่อเปลี่ยนแปลงให้มันดีขึ้น เขาก็อยากจะเป็นคนที่มีระดับฐานะมากขึ้น แต่สุดท้ายแล้วมันก็ยังคือทหารรับทำงานให้กับรัฐ เราคือสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์มาก นี่คือพื้นฐานแบ็กกราวด์ของตัวหลวงประสานและกลุ่มของเขา

ยุคหนึ่งที่รัฐบาลปรับเมืองเปลี่ยนการปกครอง มันจะเหมือนแผ่นดินเถื่อน เราจะต้องมีตัวเชื่อมตรงกลางระหว่างรัฐบาลกับคนท้องถิ่นที่มันกระจายการคุมอำนาจ มี “ชุมเสือ” ต่างๆ ที่เขาปกครอง เขาเลยต้องไปร่วมกับทุกแก๊งเพื่อคุมการปกครองให้อยู่ภายใต้รัฐ ไปคุยกับผู้มีอิทธิพล เขาเลยรู้หมดว่าตรงไหนใครคุม เขาเป็นคนอีกแบบหนึ่งที่จะอยากจะเปลี่ยนแปลงก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่ เป็นเจเนอเรชันใหม่

วันหนึ่งก็เขาคนนี้แหละที่จะต้องรวบรวมทั้งหมดเป็นหนึ่ง ใครกระด้างกระเดื่องก็เละเทะหมด หลวงประสานเลยเป็นมือเป็นเท้า เป็นอุปกรณ์ของของรัฐบาลที่จะต้องต่อกรกับ 4 เสือ” คาแร็กเตอร์ก็คือมุ่งเถรตรงอย่างเดียวว่าเราทำเพื่อรัฐ ทำเพื่อผลประโยชน์ฝั่งเราเท่านั้น ใครส่ายหัวคือจบ ผมเป็นตัวจัดการและเก็บกวาด ภายใต้ความเหี้ยมโหดของหลวงประสาน จริงๆ แล้วมันเก็บบางสิ่งไว้ พยายามคอนโทรลตัวเองเป็นอันเดอร์ของจอมพล เขามีความแข็งแกร่งแต่ก็ต้องแลกกับอะไรบางอย่าง ต้องสู้กับตัวเองเล่นกับอินเนอร์ข้างในที่ค่อนข้างซับซ้อนมาก

 

 

เปลี่ยนลุคจากเรื่องเดิมไปเยอะ เตรียมตัวอะไรมาบ้าง

เรียกว่าผลงานที่ผ่านมา ผมเป็นตัวแทนคาแร็กเตอร์ฝั่งสีเข้มละกันครับ เริ่มจาก 4 Kings 2″ (2566) เป็นตัวที่น่าเอ็นดู เป็นเด็กช่างตัวโดน หลังจากนั้นก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ จนมีแซวกันว่าจะเล่นเป็นคนดีกี่โมง พอมาอยู่ในโปรเจกต์ “เสือ” ผมอยู่ฝั่งสีสว่างเลยครับ เพราะเสือเป็นโจรผู้ร้ายแน่นอน เสื้อผ้าหน้าผมก็ต้องเนี้ยบแบบทหาร ใส่ชุดสีไหนก็ใส่ทั้งแก๊ง ขาวก็ขาวกันหมด ในกองก็แซวว่าเป็นแก๊งกินเจ ดูเนี้ยบสะอาด แต่เวทย์ไม่ขาวนะครับ

เริ่มต้นจากคาแร็กเตอร์ภายนอกก่อนนะครับ ตอนแรกพี่โขมมองไว้ว่าสะอาดมากไม่มีหนวดเลย ให้ดูลุคผมเปลี่ยนไป ผมไม่มีหนวดมาทั้งชีวิตจนเพิ่งมามีหนวดเมื่ออายุประมาณสามสิบที่ผ่านมา ด้วยยุคสมัยของในเรื่อง มันเป็นยุคที่เรากำลังจะพัฒนาประเทศ เอาแบบอย่างมาจากทางฝั่งยุโรป เป็นเจนเทิลแมน ผู้หญิงต้องใส่กระโปรงสุ่มมีหมวก ผู้ชายมีถือไม้เท้า การไว้หนวดเก็บเรียบ ทรงผมเนี้ยบ ปรับลุค รวมถึงบุคคลิกภาพด้วย อย่างที่บอกเราคือทหาร

ตัวผมสมาธิสั้น ก็ต้องนิ่ง การเรียนยิงปืน จับปืนที่ถูกต้อง ต้องไปหาข้อมูลว่าปืนกระบอกไหนที่เราต้องใช้ ต้องจับแล้วเข้ากับมือเรา เพราะหลวงประสานคือคนเดียวที่เก็บคนทั้งหมด ต้องเผชิญกับทุกคน ใช้เวลากับมันนานเป็นเดือน มีทั้งที่พี่โขมให้ไปฝึก และผมไปเรียนแยกด้วย ท่าทางการเดินยิง การจับปืนทั้งลูกโม่ ทั้งแม็กกาซีน ปืนยาว เรียนเองใหม่หมดครับ ซึ่งตัวผมเป็นคนไม่ชอบปืน ปกติเป็นคนสนุกสนาน และบางทีก็ชอบอยู่คนเดียว มีทั้งเอ็กซ์โทรเวิร์ดและอินโทรเวิร์ดในตัวเอง ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาไหน ตัวจริงกับคาแร็กเตอร์ห่างเหินกันมาก

ตอนเล่นเรื่อง “วัยหนุ่ม 2544” (2567) มันเห็นภาพที่ชัดเจนว่ามีความแข็งกร้าว ความดิบโหด แต่กับเรื่อง “เสือ” มันมีชั้นเชิง มีทั้งความอดทนอดกลั้นแบบชายชาติทหาร ต้องฝึกบุคลิกภาพ มีซ้อมเดินบ่อย การใช้น้ำเสียง เรื่องนี้มันวิ่งอยู่ในหัวผมตลอด คิวหน้าต้องถ่ายอะไร ผมก็ทำการบ้านไประดับหนึ่ง สุดท้ายภาพของผมมันก็คือของในเป้ของผมที่เดินทางมาถึงหน้ากอง แล้วเจอทีมงานทั้งหมดเพื่อเอามาแชร์กัน หลวงประสานเป็นคนรักลูกน้อง ชีวิตไม่มีครอบครัว ผมตีความแบบนั้น ลูกน้องเรามี 8-9 คน เดี๋ยวทั้งหมดนี้กูรับผิดชอบเอง และมีความซื่อสัตย์มากจนเจ็บช้ำเอง ใครหักหลังหรือผิดหวังก็ระเบิดออกมา เป็นตัวละครที่สื่อสารความเป็นอันเดอร์เต็มๆ

หลายคนดู “ขุนพันธ์ 1-3″ มาอาจจะรู้สึกว่าเราดูฉากแอ็กชันที่ยิ่งใหญ่กันไปแล้ว เราจะไปดู “พี่เป้” ขี่ม้ายิงปืน เห็น “เสือใบ”, “เสือฝ้าย”, “เสือมเหศวร” ร่ายมนตร์ ในฌองของแอ็กชัน “เสือ” มีสิ่งนั้นอยู่แน่นอน มันเป็นลายเซ็นของพี่โขม แต่ถ้าได้สัมผัสจริง พี่โขมใส่ Mind Map แผนผังความคิด ความเชื่อมโยงตัวละคร แบ็กกราวด์ตัวละครที่สำคัญมาก ดู “พี่น้อย” ที่ไปรับบทเป็นโจรใน “ขุนพันธ์” ภาคแรก เขาก็ไม่ได้เกิดมาแล้วกูจะเลว ตัว “หลวงประสาน” เองก็ด้วยมันมีแรงขับเคลื่อนมาตั้งแต่แรกว่าเป้าหมายเขาคืออะไร ทำไมถึงไดรฟ์ตัวละครไปในเวย์นี้ ไปถึงจุดเปลี่ยนก่อนแตกหัก

 

การร่วมงานกับทั้ง “4 เสือ” เป็นยังไงบ้าง

สบายครับ โดยเฉพาะ “พี่เป้” เห็นพี่เป้มาตั้งแต่ภาคสองแล้วได้มาเจอกันในโปรเจกต์นี้ พอเราได้มาวิ่งเล่นในจักรวาลสนามของพี่โขมด้วยกัน ผมเห็นพี่เป้มีความเป็น “เสือใบ” เจ๋งมาก ผมเห็นพี่เป้เป็นเหมือนอาจารย์ในเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิต พี่เป้เล่าว่านี่คือการทำงานของชายแท้ กองถ่ายของลูกผู้ชาย แล้วมันก็จริง มันเป็นแบบนั้น ผมเชื่อว่าทั้งทีมงานเบื้องหลังและนักแสดงเบื้องหน้าที่อยู่อุตสาหกรรมนี้ อยากทำงานกับพี่โขม เป็นจิกซอว์ส่วนไหนสักส่วน

ส่วน “โอ้” ก็สนุกครับ เพราะเขาเป็นคนชิล เราสองคนก็รู้จักกันมาบ้างแล้ว แต่เคยทำงานร่วมกันครั้งนี้ครั้งแรก โอ้เป็นคนอดทน เป็นคนที่อะไรก็ได้พี่ว่ามาเลย ส่วน “พี่โน่” เขาจะมีวิธีการทำตัวละคร การตีความในแบบของเขาที่จะถ่ายทอดความเป็น “เสือดำ” ออกมา ส่วน “พี่เวียร์” นี่ผมโตมากับละครของพี่เขาเลย พี่เวียร์ในพาร์ตของการแสดงหนังเหมือนคนที่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ มารับบท “เสือฝ้าย” คือติ๊กถูกทุกข้อ

แต่ถ้าเข้าฉากร่วมด้วยเยอะสุดเป็น “พี่ต้อม” น่าจะเยอะสุด เพราะผมเป็นลูกน้องเขา แต่ถ้าเข้าซีนกับเสือส่วนใหญ่จะคละกันไป พี่เวียร์เยอะขึ้นกว่าทุกคนนิดนึง เพราะพี่เวียร์เป็นเสือฝ้ายที่มารับงานจอมพล เวลาเสือฝ้ายมาหาจอมพลก็ต้องเจอผม พี่ต้อมนี่ของแท้ครับคนนี้ ผมเคยเห็นพี่ต้อม เคยเห็นผลงานแต่เพิ่งเคยทำงานด้วยครั้งแรก เวลาผมเห็นพี่นักแสดงรุ่นใหญ่แล้วยังอยู่ปัจจุบัน ยังทำงานอยู่ เห็นวินัยจากคนนั้นแน่ๆ พี่ต้อมมีวินัยมากในการดูแลตัวเอง ยุคพี่ต้อมไม่มีหรอกครับ ศัลยกรรม เขาสวยหล่อกันจริง

 

 

พอเราเข้าไปในโลกแอ็กชัน มีคาถาอาคม เราตื่นตาตื่นเต้นขนาดไหน

สนุกเลย เหมือนผมกลับไปเป็นเด็กวิ่งไล่กับเพื่อนมีกระเป๋าใส่ของ โยนเพี่ยง จะเสกนู่นเสกนี่ อยู่ดีๆ วันหนึ่งที่เราโตขึ้น เราได้มาเล่นสิ่งที่เราเคยจินตนาการเอาไว้ ตอนนี้เรามีวิชาและสกิลการต่อสู้เป็นของตัวเอง เดี๋ยวในโรงหนังเราจะมีเอฟเฟกต์ที่เราไม่เคยมองเห็นมัน เราจะได้เห็นแล้ว

 

เรื่องนี้ได้ยินว่ากองถ่ายเหมือนหมู่บ้าน

เยอะมากครับนักแสดงสมทบเป็นร้อย “ทีมพี่บั๊ว” (นิรชรา วรรณาลัย – ออกแบบเครื่องแต่งกาย) เจ้าของรางวัลสุพรรณหงส์ ทีมเขาใหญ่มากเสื้อผ้าของทีมนี้เป็นสิ่งแรกในชีวิตผมที่เคยเห็นมาตั้งแต่ออกกอง ถ้าบอกว่าเป็นโรงเกลือก็เชื่อครับ โหดมาก วันไหนที่ถ่ายแค่ไม่กี่คนก็ดีไป ถ้ามีนักแสดงสมทบจะเห็นทหารวิ่งมาเป็นร้อยเลย ทีมพี่เขาต้องเตรียมเสื้อผ้าเผื่อทุกคน

งานด้านเอฟเฟกต์ก็เยอะมาก งานเซตอลังการ รถแต่ละคัน ปืนแต่ละอย่าง ที่หากันมาของ “ทีมพี่เดอ” (ธนะ เมฆาอัมพุท – ออกแบบงานสร้าง) คนนี้ก็งานรางวัลสุพรรณหงส์ โลเคชันก็สวยมาก และทุกคนทีมงานมีวินัยช่วยกันขับเคลื่อนงาน มันบ่งบอกว่าทีมงานไม่ใช่แค่มีฝีมืออย่างเดียวนะครับ มันหมายถึงต้องรักมันมาก เป็นฟันเฟืองที่หมุนไปพร้อมๆ กันกับงานที่โหดหินและใหญ่ขนาดนี้

อย่างคนทำเอฟเฟกต์ ผมจะเห็น “พี่ไช้” (อาภรณ์ มีบางยาง – แต่งหน้าเทคนิคพิเศษ) ตลอดเจอกันตั้งแต่ “โฟร์คิง” ที่เห็นแขนผมขาดก็พี่ไช้ทำ คนสงสัยกันทั้งประเทศว่าทำไมมือผมเหมือนจังเลย แขนมันหายไป จนมาเรื่อง “เสือ” ก็พี่ไช้อีกเหมือนกันที่ทำเอฟเฟกต์ทั้งหมดนี้ สมจริงมากเสร็จภายใน 5 นาที มือรางวัลระดับสุพรรณหงส์เช่นกัน

 

 

ซีนไหนเป็นที่จดจำบ้าง

เป็นซีนที่ผมต้องพูดบทยาวมาก แล้วบทที่จะพูดมันมาเมื่อวาน 1 หน้ากระดาษ ประมาณ 8 บรรทัด พูดไล่ตั้งแต่ “เสือใบ”, “เสือดำ”, “เสือฝ้าย”, “เสือมเหศวร” มันกดดันเพราะพระอาทิตย์ก็กำลังจะตก ต้องตามไปดูครับบอกไม่ได้

 

เบื้องหลังกล้องหนุ่มๆ เขาทำอะไรกันบ้าง

ถ้าผมอยู่กับ “พี่เป้” กับ “โอ้” ก็จะไม่พ้นเรื่องรถครับ ผู้ชายเมาท์มอยเรื่องรถเป็นหลัก จนโอ้พาผมกับพี่เป้ไปตามหารถเต่า ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจากการมากอง “เสือ” ครับ ที่ไปรายการ “โอ้ลั้นลา” ตามหารถแม่ผม พี่เป้ก็ดันยุใหญ่ ไปเลยๆ ผมก็อยากให้แม่ได้รถคืนมานานแล้ว แต่ไม่รู้จะไปหาที่ไหน รูปที่มีก็ช่วงประมาณผม 5-6 ขวบ โอ้เอาทะเบียนไปเช็กแล้วมาบอกว่ายังไม่ได้โอนนะพี่ รถยังเป็นชื่อแม่พี่อยู่เลย เอาเปล่า แล้วก็เป็นเรื่องราวอย่างที่เห็นในโอ้ลั้นลา หนุ่มๆ คุยกันเรื่องพวกนี้ ไม่ค่อยพูดถึงหนังกันเท่าไหร่ เพราะต่างคนต่างทำการบ้านกันมาแล้ว ไปเจอกันหน้าเซตเลย

 

 

“ท็อป” ได้อะไรจากการมาร่วมโปรเจกต์นี้บ้าง

อย่างที่บอกเลยครับหนึ่งได้เอนจอย ได้เจอกับ “โอ้”, “พี่เวียร์”, “พี่โน่” ได้ทำงานกับ “พี่เป้” ในอีกรูปแบบหนึ่งได้มาเจอ “พี่โขม” มาดูการทำงานกับอีกจักรวาลหนึ่งของพี่โขม วิธีการทำงานของพี่โขม มันก็จะแตกต่างจากผู้กำกับคนอื่นยังไง ผมชอบอุตสาหกรรมนี้ที่เรียกว่าทีม มันไม่สามารถมีใครไปได้โดยตัวเอง ทุกคนช่วยกันให้มันเกิดโปรเจกต์ แล้วถ้าคนตอบรับดี มองกลับมาก็คือการมีทีมที่ดี มันเปรียบเสมือนผมไปอยู่ในห้องเรียนที่เป็นห้องคิง แต่เปลี่ยนโรงเรียนไปเรื่อย ความหมายของห้องคิงคือทุกคนห้องนี้ตั้งใจเรียนกันหมด เด็กมันตั้งใจอ่านหนังสือ ตั้งใจเรียน แล้วก็เล่นด้วยกัน

รู้สึกดีใจมากที่ได้มาอยู่ในโปรเจกต์ที่เคยมีไตรภาคมาแล้ว “เสือ” คือภาคสปินออฟแยกออกมาอีก แน่นอนว่าทุกคนคาดหวังหนังของพี่โขม กองที่มีสเกลใหญ่ที่สุดกองหนึ่ง เรื่องราวที่มีสัตว์ เด็ก เอฟเฟกต์ สลิงอลังการ ปืนยิงกันเหมือนกระสุนเม็ดละบาท ผมนี่ชอบมาก ทีมเอฟเฟกต์จัดให้หมดจะเอากี่ลูก กี่นัด อุปกรณ์เขาควอลิตี้เดียวกับฮอลลีวูด เสกให้ควันเต็มเขื่อนได้ โปรดักชันใหญ่มาก แล้วมันเป็นแบบนี้ทุกวัน ทีมระเบิดบอกวันนี้จะระเบิดตรงนี้นะท็อป อันนี้พุ่งตรงหน้านะท็อป เสียวทุกวัน โอ้จะมาแกล้งเล่าว่าผมทำงานกับทีมนี้มาก่อน ไม่ต้องห่วง ระเบิดขึ้นมาก็ตาบอด เป็นเรื่องขำๆ แซวกันในกอง แต่ถามว่าถ้าพลาดตาบอดไหม ก็บอดจริงนะครับ แต่ผมไม่ได้โดน แต่ได้เลือดจากปืน ไปดึงสไลด์แล้วมันหนีบมือตัวเองตอนดันเก็บ แล้วก็หูดับจากเสียงยิง ผู้ชายเล่นกัน ต้องมีปืน “พี่อ๊อฟ” หนึ่งในสมุนผมนี่แหละกำลังปราบผู้ร้ายเลย คิวแรกไปถ่ายกันต่างจังหวัด เรายืนสั่งอยู่ข้างๆ แกยืนยิงข้างหูเลย เขาใช้ปืนกล ผมปืนสั้น เปรี้ยงๆ ปลายปืนแทบจะพาดบ่าผมอยู่ละ หูดับไปเลยครับ 2 วัน ตัวเขาเองก็หูดับเหมือนกัน มาวันหลังผมรู้แกวละ ขอที่อุดหูมาเลย ยัดไว้จนไม่ได้ยินคำว่าถ่ายจริง พี่โขมถามว่าเอ้าทำไมไม่ยิง ไม่ได้ใส่ลูกเหรอ เปล่า ไม่ใช่ไม่ยิง ผมไม่ได้ยิน จนพี่โขมต้องใช้วิธีส่งสัญญาณมือเอา มันก็เป็นเรื่องเล่าตลกๆ ในกองกัน

แล้วมีตอนที่เราไปถ่ายทำฉากที่ต้องสู้กัน โอ้ต้องขึ้นสลิงแล้วลอยมาที่ผม จังหวะที่จะลงมาใกล้ โอ้คอนโทรลไม่ได้อยู่ละ เป็นหน้าที่ผมที่ต้องหลบ มันหลบยากก็มีโดนมาบ้างนิดหน่อย แต่ภาพมันไม่สวยต้องเอาใหม่อีกรอบ แต่ละรอบเสียวทุกรอบ

ถ้าผมเทียบ “ขุนพันธ์” คือผู้ใหญ่ตีกัน  “เสือ” เป็นวัยรุ่นไฝว้กัน เสือเป็นเจเนอเรชันใหม่ ทุกคนไฟแรงไปหมด เป็นตัวของตัวเองสูง อย่างที่บอกว่าเสือคือโปรเจกต์ก่อนที่ขุนพันธ์จะเข้ามา ทุกคนอยู่ภายใต้กฎ แต่เสือไม่มีกฎ ลุยเลย ด่ากัน ไม่ชอบก็เขม่นกัน รักผู้หญิงคนเดียวกัน เลือดวัยรุ่น เสือมีความซิ่ง วัยรุ่นใจซิ่ง

 

ฝากหนังเรื่องนี้หน่อย

ฝากโปรเจกต์ของ “พี่โขม” ด้วยนะครับ เป็นโปรเจกต์ของทุกคน ของทีมงานที่เดินทางกันมาอย่างยาวนาน อยากให้คนไทยภูมิใจกับหนังไทยของเราเรื่องนี้ ควอลิตี้คนไทยกับงบที่ไม่ได้สูงอย่างฮอลลีวูด แต่คุณภาพเทียบเท่าต่างประเทศ ยังมีคนที่เทียบว่าโอ้โห…หนังเราไปสู้หนังต่างประเทศเขาไม่ได้หรอก มันแน่นอนครับ แต่เราก็มีศักยภาพในแบบของเรา เราสามารถไปฉายในเทศกาลหนังในต่างประเทศได้ ผมอยากให้ทุกคนไปดูหนังอย่างสนุกเอนจอย ผมว่ามันคุ้มค่า หนังซ่อนอะไรไว้หลายๆ มุม อาจจะทำให้คุณรักคนข้างๆ มากขึ้น รักประเทศมากขึ้น มันซ่อนอยู่ในความสนุกของโปรเจกต์ “เสือ” แน่นอนครับ 23 ตุลาคมนี้ ไปดูกันในโรงภาพยนตร์นะครับ ขอบคุณครับ

 

เสือ (4 Tigers)

เสือ (4 Tigers)

ก่อนผงาดเป็น “4 เสือ” ในตำนาน พวกเขาคือ “หัวขบถ” ที่ไม่เคยยอมใคร “เสือฝ้าย – เสือมเหศวร...

รายละเอียดภาพยนตร์

Featured News