- หนังคว้ารางวัลกรังด์ปรีซ์จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2016 (Grand Prix du Festival de Cannes 2016)
- เป็นครั้งที่ 2 ที่ผู้กำกับหนุ่ม “ซาวิเยร์ โดลอง” นำบทละครเวทีมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ถัดจาก Tom at the Farm (Tom à la ferme) เมื่อปี 2013 ที่สร้างจากบทละครของ ไมเคิล มาร์ค บูชาร์ด
- ซาวิเยร์ โดลอง คนเดียวทำหน้าที่ 6 อย่างในหนังเรื่องนี้ทั้ง กำกับ, อำนวยการสร้าง, เขียนบท, ลำดับภาพ, ออกแบบเครื่องแต่งกาย และ ทำซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษ
- เนื่องจากเรื่องราวในหนังว่าด้วยครอบครัวที่แปลกแยกและไม่เข้าใจกัน ทำให้นักวิจารณ์จำนวนมากเข้าใจผิดว่า ซาวิเยร์ โดลอง นำชีวิตของครอบครัวตัวเองมาสร้างเป็นหนัง แต่โดลองยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะในความเป็นจริง เขาสนิทกับครอบครัวและมักจะไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ
- ทีมนักแสดงหลักของหนังทั้ง 5 คนต่างเคยเข้าชิงรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมของ César Award ทุกคน และ 4 ใน 5 นั้นสามารถคว้ารางวัลมาครองได้นั่นคือ “กัสปาร์ อุลลิยุล, แวงซองต์ กัสเซล, นาตาลี เบย์” และ “มาริยง โกติยาร์”
- หนังใช้เวลาในการถ่ายทำประมาณ 20 วัน โดยนักแสดงจะอยู่เข้าฉากด้วยกันอย่างพร้อมหน้าเพียง 6 วันเท่านั้น
- ซาวิเยร์ โดลอง ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับที่ชอบใส่เพลงป็อปเข้ามาในหนัง สำหรับใน It’s Only the End of the World ก็เช่นกัน หนึ่งในเพลงที่เขาเลือกใช้คือ I Miss You ของ Blink-182 ซึ่งเป็นเพลงที่เขาชอบมาก และเนื้อหาของมันมีทั้งความสุข ความเศร้า และอารมณ์ถวิลหาอดีต เป็นต้น ซึ่งเหมาะกับตัวละครและเนื้อหาในเรื่อง
- ไม่ว่าใครจะมองหนังเรื่องนี้อย่างไรก็ตาม แต่สำหรับ ซาวิเยร์ โดลอง แล้ว เขาถือว่านี่คือหนังที่ดีที่สุดที่เขาเคยสร้างมา
- It’s Only the End of the World เป็นหนังของ ซาวิเยร์ โดลอง ที่ยาวเพียง 1 ชั่วโมง 37 นาที ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากผลงานเรื่องแรกของเขา I Killed My Mother (J’ai tué ma mère) เมื่อปี 2009
- เปิดตัวอันดับ 1 ในฝรั่งเศส และติด Top 5 หนังแคนาดาที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลในประเทศฝรั่งเศส