The Order จับตายขบวนการเดนคน
เรื่องย่อ
เมื่อความเชื่อกลายเป็นอาวุธ ปลุกปั่นเดนคนให้คลั่งสุดขีด
จากเหตุการณ์จริงในยุค 80 สู่ภาพยนตร์แอ็กชันคุณภาพเข้นข้นและกระแสวิจารณ์ยอดเยี่ยมส่งท้ายปี 2024
การันตีความเดือดจากการได้รับเสียงปรบมือใน “เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส 2024” ยาวนานกว่า 10 นาที
กวาดคะแนนสูงลิ่วจากทั้งฝั่งนักวิจารณ์ (91%) และผู้ชม (92%) บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes จนติดอันดับต้นๆ ของปีนี้
“The Order จับตายขบวนการเดนคน”
ผลงานล่าสุดของผู้กำกับน่าจับตา “จัสติน เคอร์เซล” (Nitram) และผู้เขียนบทที่เคยเข้าชิงออสการ์ “แซค เบย์ลิน”
ดัดแปลงจากหนังสือ “The Silent Brotherhood” ที่เขียนโดย “เควิน ฟลินน์” และ “แกรี เกอร์ฮาร์ดต์”
ดุเดือด เข้มข้น และทรงพลัง! กับการแสดงที่นักวิจารณ์หลายสำนักต่างยกย่องว่า
ยอดเยี่ยมที่สุดของ “จู๊ด ลอว์” และ “นิโคลัส ฮอลต์”
พร้อมด้วย 2 นักแสดงมากฝีมืออย่าง “ไท เชอริแดน” และ “เจอร์นี สมอลเล็ตต์”
หนังเล่าเรื่องราวขการไล่ล่าแบบตาต่อตาฟันต่อฟันของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอมือฉมัง “เทอร์รี ฮัสก์” (จู๊ด ลอว์) ที่ระดมทีมมือหนึ่งตามล่าแก๊งอาชญากรก่อคดีปล้นธนาคารและรถขนเงินอย่างอุกอาจกลางวันเสกๆ และยังเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายเหยียดผิวหัวรุนแรงที่ชื่อ “ดิ ออร์เดอร์” (The Order) โดยมี “บ็อบ แมตทิวส์” (นิโคลัส ฮอลต์) เป็นผู้นำลัทธิขบวนการกลุ่มขวาจัดในสหรัฐอเมริกาที่มีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือการสร้างรัฐที่มีเฉพาะคนผิวขาว ก่อเหตุอาชญากรรมสะเทือนขวัญคนในยุคนั้นจนตกเป็นเป้าหมายของรัฐบาลและนำมาสู่การไล่ล่าอย่างดุเดือดของเอฟบีไอ เทอร์รีต้องทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งกองกำลังสุดโหดนี้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นองเลือดครั้งใหญ่จนบานปลายกลายเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์อื้อฉาวของสหรัฐอเมริกา
“The Order” ยังถือเป็นภาพยนตร์ที่รวมสุดยอดทีมงานเบื้องหน้าและเบื้องหลังระดับมือพระกาฬอย่างคับคั่ง นำโดย “จัสติน เคอร์เซล” ผู้กำกับชื่อดังที่เคยมีภาพยนตร์เข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำมาแล้วจาก “Nitram” (2021) แท็กทีมมือเขียนบทคุณภาพ “แซค เบย์ลิน” ผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจาก “King Richard” (2021) พร้อมด้วยสองนักแสดงหนุ่มฝีมือฉกาจ “จู๊ด ลอว์” (Fantastic Beasts, Closer) และ “นิโคลัส ฮอลต์” (The Menu, Mad Max: Fury Road) มาเชือดเฉือนบทบาทกันอย่างดุเดือด รวมถึงนักแสดงมากฝีมืออย่าง “ไท เชอริแดน” (Ready Player One, X-Men: Apocalypse) และ “เจอร์นี สมอลเล็ตต์” (Birds of Prey)
“สะท้อนความรุนแรงในสังคมอเมริกันได้อย่างเข้มข้นแบบที่ทุกวันนี้ไม่ได้เห็นอีกแล้วในฮอลลีวูด” – The Hollywood Reporter
“สร้างความระทึกและตึงเครียดได้อย่างสุดยอด” – Rolling Stone
“ย้ำเตือนถึงความน่ากลัวของการปลูกฝังความเชื่อเหล่านี้” – Entertainment Weekly
“เล่าเรื่องราวออกมาโดยไม่เห็นอกเห็นใจกับคนกลุ่มนี้แม้แต่น้อย” – Slant Magazine
“หนังสืบสวนเอฟบีไอที่หนักแน่น เข้มข้น ฉากแอ็กชันดุเดือด” – Time Out
ภาพยนตร์จะพาผู้ชมตามติดเจ้าหน้าที่เอฟบีไอมากประสบการณ์ “เทอร์รี ฮัสก์” ที่ย้ายมาประจำในชนบทห่างไกลความเจริญ หลังจากทำคดีสุดตึงเครียดมาตลอดชีวิตการทำงาน 25 ปี เขาไม่ได้เตรียมใจมาเจอคดีอุกฉกรรจ์ในดินแดนอันไกลโพ้นแห่งนี้ แต่กลับต้องมาไล่ล่ากลุ่มชาตินิยมผิวขาวที่กำลังซ่องสุมกำลังใต้อาณัติของผู้นำคลั่งสุดอันตราย “บ็อบ แมตทิวส์”
ทั้งสองคาแร็กเตอร์เปรียบเสมือนสองด้านของเหรียญเดียวกัน เป็นตัวละครที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจและความภักดีอย่างแรงกล้าให้กับทีม ทั้งคู่มุ่งมั่นกับเป้าหมายตรงหน้าพร้อมมองข้ามทุกสิ่ง “บ็อบ แมตทิวส์” กระตุ้นปลุกปั่นให้กลุ่มสาวกของเขาเชื่อตามอย่างง่ายดาย ในขณะที่ “เทอร์รี ฮัสก์” พยายามปลุกปั้นลูกน้องให้เป็นหน่วยกล้าตาย ทั้งคู่จึงเป็นเหมือนภาพสะท้อนของกันและกัน
ตัวละครของ “นิโคลัส ฮอลต์” อ้างอิงมาจากบุคคลที่มีตัวตนจริงอย่าง “บ็อบ แมตทิวส์” ผู้นำหัวรุนแรงของขบวนการ “The Order” ผู้ชักชวนและฝึกคนที่กำลังจนตรอกให้ปล้น ค้าของเถื่อน และฆาตกรรมหลายคดี โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการปฏิวัติด้วยความรุนแรง การเข้าถึงความคิดของคนคลั่งอย่างแมตทิวส์เป็นเรื่องที่น่าอึดอัดสำหรับฮอลต์ เขาต้องกัดฟันอดทนตลอดการถ่ายทำ
“สิ่งที่ตัวละครของผมเชื่อมันตรงข้ามกับสิ่งที่ผมเชื่อโดยสิ้นเชิง แต่เรื่องราวถูกเล่าผ่านมุมมองของผู้กำกับ ‘จัสติน เคอร์เซล’ เขาสำรวจแต่ละตัวละคร ให้เวลาทำความเข้าใจตัวตนของพวกเขา ประเด็นของหนังไม่ตกยุคเพราะสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันยังมีกลุ่มคล้ายๆ กันผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด หนังเรื่องนี้มีประเด็นแยบยลและมีการวิพากษ์ปัญหาที่ทั่วโลกต่างเผชิญในปัจจุบัน”
ส่วน “จู๊ด ลอว์” รับบทเอฟบีไอ “เทอร์รี ฮัสก์” ตัวละครนี้ถูกสร้างขึ้นจากการรวมคาแร็กเตอร์ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในคดีจริง ฮัสก์คือนายตำรวจฝีมือดีที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแต่ล้มเหลวกับชีวิตครอบครัว เขาทุ่มเทจนสืบพบความจริงของคดีปล้นธนาคารทั่วๆ ไปและฆาตกรรมในพื้นที่ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มอาชญากรเหยียดผิวแนวคิดสุดโต่งที่เป็นภัยต่อสังคม เทอร์รีจึงรวมทีมไล่ล่าเหล่าวายร้ายตัวฉกาจทันทีเพื่อยับยั้งเหตุการณ์อันตรายก่อนที่ประเทศจะลุกเป็นไฟ
“‘ฮัสก์’ เป็นตำรวจที่ประสบความสำเร็จมาก เขาทำงานสืบราชการลับอยู่หลายปี ซึ่งนั่นสร้างรอยแผลให้เขาทั้งทางจิตใจและร่างกาย ครอบครัวและชีวิตส่วนตัวของเขาพังทลายเพราะเขามัวแต่บ้างาน ตอนนี้เขาสะดุดเจอกับคดีใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบระดับชาติหรือแม้แต่นานาชาติ ซึ่งบีบให้เขาต้องใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีรับมือกับความท้าทายครั้งนี้” ลอว์เผยแบ็กกราวด์ตัวละคร
แม้ยุครุ่งเรืองของลัทธิ “The Order” จะสิ้นสุดลงกว่าสี่ทศวรรษที่แล้ว แต่ความชาตินิยมรุนแรงและนีโอฟาสซิสต์ยังเป็นปัญหาระดับโลกในปัจจุบัน
“แม้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นในยุค 80 แต่สะท้อนถึงปัจจุบัน เรื่องนี้จำเป็นต้องถูกเล่าออกมา และเราอยากเล่ามันบนผืนผ้าใบขนาดใหญ่อย่างจอภาพยนตร์” โปรดิวเซอร์ “ไบรอัน ฮาส” เผย
ด้านนักแสดงและโปรดิวเซอร์ “จู๊ด ลอว์” เชื่อว่าภาพยนตร์จะทำให้ผู้ชมตกตะลึงด้วยประเด็นร่วมสมัย เพราะสถานการณ์แบบในเรื่องกำลังเกิดขึ้นในหน้าข่าวเกือบทุกวัน
“เรารู้ตั้งแต่แรกว่าเรื่องมีศักยภาพ อัดแน่นด้วยอารมณ์ มันมีฉากแอ็กชันดุเดือด การปล้นสุดระทึก ผู้ชมจะลุ้นจนติดเบาะ สงสัยว่าเจ้าหน้าที่จะหยุดพวกเดนสังคมเหล่านี้ยังไง ‘The Order’ สามารถเป็นเครื่องเตือนใจว่าความประพฤติของเรา สิ่งที่เราฟัง และคนที่เราเลือกจะเชื่อนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง”
เตรียมพบกับการไล่ล่าสุดลุ้นระทึกของ “จู๊ด ลอว์” ที่ต้องหยุดแผนการร้ายของ “นิโคลัส ฮอลต์” ก่อนทั้งประเทศจะลุกเป็นไฟ “The Order จับตายขบวนการเดนคน” 25 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
Alison Oliver Jude Law Jurnee Smollett Justin Kurzel Marc Maron Nicholas Hoult The Order Tye Sheridan Zach Baylin จับตายขบวนการเดนคน