สุริโยไท (The Legend of Suriyothai)
เรื่องย่อ
“พระสุริโยไท” (พิมลรัตน์ พิศลยบุตร) ทรงเจ้านายฝ่ายเหนือราชวงศ์พระร่วงตั้งแต่พระชนมายุ 15 พรรษา ได้ทรงอภิเษกสมรสกับพระเยาวราชจากราชวงศ์สุพรรณภูมิคือ “พระเฑียรราชา” (วิทยา โกมลฐิติกานต์) โอรสขององค์อุปราช “พระอาทิตยา” (สุเชาว์ พงษ์วิไล) กับพระสนม ซึ่งครองเมืองพิษณุโลกอยู่ในเวลานั้น
เมื่อ “สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2” (พิศาล อัครเศรณี) สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2072 (ค.ศ. 1529) ซึ่งเป็นปีที่ดาวหางฮัลเลย์ปรากฏ พระอาทิตยาจึงได้ขึ้นครองราชย์ ทรงพระนาม “หน่อพุทธางกูร” ทุกพระองค์เสด็จย้ายจากพิษณุโลกไปประทับ ณ กรุงศรีอยุยาเมืองหลวง “พระเฑียรราชา” (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) และ “พระสุริโยไท” (คุณหญิง ม.ล. ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี) มีโอรสธิดาทั้งสิ้น 5 พระองค์คือ “พระราเมศวร” (เกียรติศักดิ์ ศักดานุภาพ), “พระมหินทร” (อภิญญ์ รัชตะหิรัญ), “พระบรมดิลก” (ชมพูนุท เศวตวงศ์), “พระสวัสดิราช” (พิมลรัตน์ พิศลยบุตร) และ “พระเทพกษัตรี” (จีระนันท์ กิจประสาน) ประทับอยู่ ณ วังชัย ดำรงอิสริยยศเป็นพระเยาวราช
เมื่อสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูรสิ้นพระชนม์ด้วยโรคไข้ทรพิษ “พระไชยราชา” (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) ผู้ซึ่งดำรงพระยศเป็นพระอุปราชควรจะได้สืบสันตติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์ แต่หน่อพุทธางกูรทรงขอให้ “รัฏฐาธิราชกุมาร” (ด.ช. ลูคัส-อดัม บุญธนากิจ) พระโอรสวัย 5 พรรษาอันเกิดแต่ “พระอัครชายา” (วรรณษา ทองวิเศษ) วัย 17 พรรษาเป็นผู้ขึ้นครองราชย์แทน ระหว่างนั้นบ้านเมืองถูกบริหารโดยขุนนางผู้ทุจริต ติดสินบนเถลิงอำนาจ โดยเฉพาะ “เจ้าพระยายมราช” (มีศักดิ์ นาครัตน์) บิดาของพระอัครชายา
พระไชยราชาจึงให้สำเร็จโทษพระรัฏฐาธิราชตามราชประเพณีโบราณ และได้ขึ้นครองราชย์แผ่บุญญาธิการเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไป ทรงออกรบปราบหัวเมืองอยู่เนืองๆ และได้แต่งตั้งพระเฑียรราชาขึ้นเป็นอุปราช ว่าราชการแทนพระองค์อยู่ที่กรุงอโยธยา ส่วนพระมเหสีของพระไชยราชาคือ “ท้าวศรีสุดาจันทร์” (ใหม่ เจริญปุระ) ได้ลักลอบมีความสัมพันธ์กับ “ขุนชินราช” (จอนนี่ แอนโฟเน่) ผู้ดูแลหอพระเชื้อราชวงศ์อู่ทองด้วยกัน และได้สมคบคิดกันลอบวางยาพิษปลงพระชนม์พระไชยราชา “พระยอดฟ้า” (ด.ช. ปรมัติ ธรรมมล) พระโอรสของพระไชยราชาที่ประสูติจาก “ท้าวศรีจุฬาลักษณ์” (สินจัย เปล่งพานิช) ได้ขึ้นครองราชย์แทน ในขณะที่มีพระชนม์เพียง 10 พรรษา แต่ต่อมาไม่นานก็ถูกท้าวศรีสุดาจันทร์ปลงพระชนม์อีกองค์หนึ่ง แล้วสถาปนาขุนชินราชขึ้นเป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่า “ขุนวรวงศา”
นับตั้งแต่สิ้นรัชกาลพระไชยราชา พระเฑียรราชาก็ได้ทรงผนวชเพื่อเลี่ยงภัย ส่วนพระสุริโยไทครองพระองค์เงียบๆ ในวังโดยมีผู้จงรักภักดีคือ “ขุนพิเรนทรเทพ” (ฉัตรชัย เปล่งพานิช), “ขุนอินทรเทพ” (อำพล ลำพูน), “หมื่นราชเสน่หานอกราชการ” (สรพงษ์ ชาตรี), “หลวงศรียศ” (ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ) เฝ้าคุ้มกันภัยให้ ได้ร่วมกันปลงพระชนม์ขุนวรวงศาและท้าวศรีสุดาจันทร์เสียบหัวประจานไว้ที่วัดแร้ง แล้วอัญเชิญพระเฑียรราชาให้ลาสิกขาบทขึ้นครองราชย์แทน ทรงพระนามว่า “พระมหาจักรพรรดิ” (พ.ศ. 2091-2111 / ค.ศ. 1548-1568)
ระหว่างนั้นทางพม่าประเทศเพื่อนบ้านได้รวบรวมกำลังเป็นปึกแผ่น แผ่ขยายอำนาจรุกรานไทยภายใต้พระมหากษัตริย์ทรงพระนามว่า “ตะเบงชเวตี้” (ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์) และได้เดินทัพมายังอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2091 เกิดเป็น “สงครามยุทธหัตถี” ที่ทุ่งมะขามหย่องซึ่งเป็นเหตุให้พระสุริโยไทสิ้นพระชนม์บนคอช้าง
เรื่องจบลงด้วยสงครามยุทธหัตถีอันเป็นเรื่องราวความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและความตายของวีรกษัตรีย์ “สุริโยไท” ที่พลีชีพเพื่อรักษาแผ่นดินไทย…
The Legend of Suriyothai จอนนี่ แอนโฟเน่ ฉัตรชัย เปล่งพานิช ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง พร้อมมิตรโปรดักชั่น ม.ร.ว.ปัทมนัดดา ยุคล วรรณษา ทองวิเศษ ศรัณยู วงศ์กระจ่าง ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ สรพงษ์ ชาตรี สินจัย เปล่งพานิช สุริโยไท หม่อมหลวงปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล อานุภาพ บัวจันทร์ อำพล ลำพูน ใหม่ เจริญปุระ
นักแสดง
ผู้กำกับ
หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคลรางวัล
รางวัล “ตุ๊กตาทอง (พระสุรัสวดี) ครั้งที่ 25” (ประจำปี 2544) – ภาพยนตร์ยอดนิยม (สุริโยไท)