Here ที่นี่ นิรันดร
เรื่องย่อ
“มหัศจรรย์โลกภาพยนตร์”
ที่จะพาคุณเดินทางผ่านห้วงเวลากว่าหนึ่งพันล้านปี
สู่ทุกช่วงเวลาของชีวิต สู่ทุกการหมุนไปของความทรงจำ ผ่านเฟรมภาพเดียว
“หนึ่งมุมกล้อง” เฝ้ามองทุกช่วงชีวิต
ทุกความรัก ความทุกข์ ความสุข ความฝัน เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้
“Here ที่นี่ นิรันดร”
ผลงานรียูเนียนในรอบ 30 ปีของทีมสร้าง นักแสดง และผู้กำกับจาก “Forrest Gump” (1994)
พบ “ทอม แฮงส์” และ “โรบิน ไรต์” กับการเดินทางครั้งใหม่ที่จะตราตรึงใจผู้ชมทั้งโลก
5 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
“Here” ผลงานชิ้นสำคัญจากวิสัยทัศน์สุดสร้างสรรค์ของผู้กำกับผู้ชนะรางวัลออสการ์ “โรเบิร์ต เซเม็กคิส” (Forrest Gump, Castaway, Who Framed Roger Rabbit, Contact, Back to the Future) เป็นการกลับมาร่วมงานกันในรอบ 30 ปีกับสองนักแสดงที่คนทั้งโลกต่างตกหลุมรักอย่าง “ทอม แฮงส์” และ “โรบิน ไรต์” นับตั้งแต่ “Forrest Gump” (1994) ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์และหนังในดวงใจของแฟนภาพยนตร์ทั่วโลก
“Here” สร้างจากนิยายภาพที่มีชื่อเดียวกันโดย “ริชาร์ด แม็กไกวร์” และได้ผู้เขียนบทระดับออสการ์ “เอริก รอท” (Forrest Gump, Killers of the Flower Moon, Dune, A Star is Born) มาดัดแปลงบทภาพยนตร์ พร้อมพาแฟนหนังอบอุ่นใจส่งท้ายปีกับเรื่องราวการเดินทางของเวลาและความทรงจำหลากยุคหลายสมัยที่เกิดขึ้นภายในห้องๆ เดียวผ่านมุมกล้องมุมเดียว โดยมีชีวิตคู่ของ “ริชาร์ด ยัง” (ทอม แฮงส์) และ “มาร์กาเร็ต” (โรบิน ไรต์) เป็นจุดศูนย์กลาง พร้อมทีมนักแสดงคุณภาพมากหน้าหลายตาที่จะมาร่วมสร้างความประทับใจเพิ่มยิ่งขึ้นทั้ง “พอล เบตตานี” (WandaVision), “เคลลี ไรล์ลี” (A Haunting in Venice, Sherlock Holmes) และ “มิเชลล์ ด็อกเคอรี” (Downton Abbey, The Gentlemen)
สำหรับผู้กำกับเซเม็กคิส เหตุผลที่ตัดสินใจทำหนังเรื่องนี้มาจากสิ่งที่มนุษย์หลงใหลมาหลายชั่วอายุคน นั่นคือเรื่องราวที่เราไม่เคยรู้ของสถานที่รอบตัว “ผมเคยอาศัยในบ้านหลังหนึ่งที่เก่าแก่เป็นร้อยปี ผมมองไปที่กำแพงหินนั้นและสงสัยว่ามีกี่ชีวิตที่เคยนั่งที่จุดเดียวกับที่ผมนั่งอยู่ ผมจินตนาการถึงผู้คนที่เคยอยู่ที่นี่ ตื่นเต้นกับการใช้ชีวิต เผชิญกับความกลัว ความสุข ความเศร้า ความเจ็บป่วย ครบทุกรสชาติ หน้าต่างและกำแพงตั้งอยู่ตรงนี้มานานมากแล้ว หลายชีวิตเคยเดินผ่านประตูบานนั้น”
“Here” บอกเล่าเรื่องราวหลายชั่วอายุคนที่เคยใช้ชีวิต ณ จุดหนึ่งบนโลกตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่องนี้คือมหากาพย์แห่งความรักและการสูญเสียที่เกิดขึ้นในสถานที่เดียว “‘Here’ เกือบจะเป็นหนังไซไฟย้อนเวลา” โปรดิวเซอร์ “แจ็ก แรปเก” เผย “เวลายังคงเดินไป แต่เราอยู่ที่จุดเดิม สไตล์เปลี่ยนไป เฟอร์นิเจอร์เริ่มเสื่อมโทรม มีคนย้ายเข้ามาใหม่และเปลี่ยนทุกอย่างไป แต่แปลนของห้องนั้นไม่เคยเปลี่ยน เราเอาเส้นเรื่องต่างๆ มาผสมผสานกัน ว่าด้วยการใช้ชีวิตให้เต็มที่ และบางชีวิตที่ไม่ได้ทำสิ่งที่พวกเขาฝันไว้”
สำหรับแฮงส์ “Here” เป็นเรื่องเกี่ยวกับการตัดสินใจนับครั้งไม่ถ้วนที่ประกอบกันจนเป็นชีวิตของมนุษย์ “ทุกคนมักจะพูดว่า ‘ชีวิตมันสั้น’ แต่ไม่ใช่เลย ชีวิตนั้นยาวมาก มันดำเนินไปเป็นเวลานาน ซึ่งมันมักมาพร้อมกับเหตุการณ์ที่พร้อมเปลี่ยนมุมมองของเราอยู่ตลอดเวลา ทุกสิ่งที่คุณยอมสละหรือพูดออกมาเพราะความโกรธหรือความรัก มักจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลานั้นๆ ท้ายที่สุดช่วงเวลาเหล่านั้นจะเป็นตัวบ่งบอกธาตุแท้ของคุณ”
ด้านรอทผู้เขียนบทเจ้าของรางวัลออสการ์กล่าว “เราทุกคนรู้ดีว่าไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า แต่ในขณะที่เรายังหายใจ ช่วงเวลาที่มีความหมายคือจุดไหน เมื่อเราเลือกสิ่งที่เราจะใช้จากหนังสือ เราคิดถึงทุกสิ่งในชีวิตที่เคยมองข้ามไปในตอนนั้น แต่เมื่อมองย้อนกลับไปมันก็กลายเป็นทุกอย่างสำหรับเรา”
แฮงส์, ไรต์, เซเม็กคิส และรอทต่างก็รู้สึกยินดีที่ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งใน “Here” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ทั้งสี่ทำงานร่วมกันหลังจาก “Forrest Gump” ผลงานระดับออสการ์ซึ่งพลิกโฉมวงการภาพยนตร์เมื่อปี 1994 “เรารู้ไส้รู้พุงกันดี เราตั้งกฎให้ทุกคนทิ้งอีโก้ไปก่อนที่จะประชุมทุกครั้ง เราจะรับฟังทุกข้อเสนอแนะ บ็อบมักจะถามว่า ‘คุณคิดยังไงถ้าเราทำแบบนี้’ และเราก็เริ่มระดมไอเดียกันซึ่งเป็นข้อได้เปรียบจากการทำงานด้วยกันมานาน” แฮงส์กล่าว
“ผมเฝ้ารอโอกาสที่จะได้ทำหนังร่วมกับทอม โรบิน และเอริกอีกครั้งมานาน เพราะผมชอบทำงานกับพวกเขามาก และเมื่อใดก็ตามที่คุณมีโอกาสทำงานกับคนที่คุณชอบและแถมยังล้วนแล้วแต่มีความสามารถ คุณต้องรีบคว้ามันไว้ทันที” เซเม็กคิสกล่าว
นอกจากนี้เซเม็กคิสรู้ดีว่าต้องวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อถ่ายทอดตัวละครในแต่ละช่วงวัยตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยชรา เพื่อให้แก่หรือเด็กได้อย่างสมจริงไร้รอยต่อ ทีมผู้สร้างร่วมกับสตูดิโอ VFX ชื่อ “Metaphysic” โดยใช้ภาพถ่ายเก่าๆ ของแฮงส์และนักแสดงคนอื่นๆ นับพันภาพเพื่อทำ “เมกอัปดิจิทัล” ย้อนวัยหรือแก่กว่าวัยให้นักแสดง
“บ็อบผลักดันเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อทำหนังอยู่เสมอ เทคโนโลยีนี้เรียนรู้หน้าตาของคนๆ ในช่วงวัยหนึ่ง จากนั้นคุณสามารถใส่ฟุตเทจใหม่ลงไปและสั่งให้มันเปลี่ยนอายุของคนนั้นได้อย่างที่คุณต้องการ ระบบจะจินตนาการว่าคนๆ นั้นจะหน้าตาเป็นยังไง เทคโนโลยีนี้ทำให้เข้าถึงความสมจริงที่งดงาม มันยืดหยุ่นกว่าการแต่งหน้าแบบเดิม เพราะช่วยให้นักแสดงถ่ายทอดสีหน้าออกมาได้เต็มที่โดยไม่มีอะไรมาบดบัง” โปรดิวเซอร์ “เดเร็ก โฮก” กล่าว
“เมื่อคุณทำหนังที่มีเรื่องราวที่ซับซ้อนอย่างเรื่องนี้ซึ่งมีช่วงเวลาต่างๆ ทับซ้อนกัน มันจะวุ่นวายมากถ้าต้องใช้นักแสดงหลายคนเล่นเป็นตัวละครเดียวกันในแต่ละช่วงวัย เครื่องมือนี้จะช่วยให้นักแสดงเก่งๆ อย่าง ‘ทอม แฮงส์’ หรือ ‘โรบิน ไรต์’ สามารถถ่ายทอดตัวละครของพวกเขาในวัยหนุ่มสาวได้” เซเม็กคิสกล่าว
ผู้กำกับเซเม็กคิสต้องการคารวะวิธีเล่าเรื่องสุดสร้างสรรค์ในนิยายภาพต้นฉบับ “หนังสือของ ‘ริชาร์ด แม็กไกวร์’ น่าทึ่งมาก เพราะมันเล่าจากมุมมองเดียว โดยที่โลกรอบข้างมันเปลี่ยนแปลงไป แม็กไกวร์ถ่ายทอดมันออกมาเป็นภาพโดยใช้กรอบภาพสีต่างๆ วางทับซ้อนในมุมมองเดียว เพื่อแสดงช่วงเวลาที่ผ่านพ้น ในบางครั้งกรอบใหญ่บ้างเล็กบ้าง และบางครั้งก็ทับซ้อนกันเมื่อเวลาเปลี่ยนแปลงไป ในการเปลี่ยนมันให้เป็นภาพเคลื่อนไหว เรานำเอกลักษณ์เดียวกันนี้มาใช้เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวที่ซ้อนทับและสื่อสารกันข้ามกาลเวลา”
เนื่องจากหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นในสถานที่เดียว เซเม็กคิสจึงเลือกใช้สไตล์การถ่ายทำที่ไม่เหมือนใคร เขาใช้ “มุมกล้องเดียว” เพื่อถ่ายทอดภาพมุมกว้างของชีวิตตัวละคร “มันต้องใช้ประสบการณ์การทำหนังทั้งชีวิตเพื่อหาคำตอบว่าจะเล่าเรื่องราวครั้งนี้ออกมายังไง เมื่อคุณต้องทำหนังที่เล่าเวลานับศตวรรษผ่านมุมกล้องเดียว ทุกฉากในเฟรมนั้นต้องมีคุณค่า มันอาจฟังดูง่าย แต่เพื่อให้ทุกฉากทำงานกับทุกตัวละครในทุกช่วงเวลา มันกลายเป็นเรื่องซับซ้อนที่สุดที่คุณไม่มีทางคิดภาพออก”
งานนี้ทีมสร้างภาพยนตร์ได้ยกระดับการถ่ายทำโดยการร่วมพัฒนาเลนส์ใหม่กับ Panavision เพื่อค้นหาลุคเฉพาะตัวให้หนัง ทั้งความลึกของภาพ มุมกล้อง และความสูงที่ดีที่สุด เพื่อที่ผู้กำกับจะได้บล็อกกิ้งนักแสดง โครงสร้างของฉาก และสามารถเล่าเรื่องได้ตั้งแต่จากจุดโฟกัสที่ใกล้ที่สุดไปจนถึงระยะอินฟินิตี้ เทคนิคทั้งหมดตั้งแต่เทคโนโลยีล้ำสมัยไปจนถึงเอฟเฟกต์ทำมือสไตล์ดั้งเดิมถูกผสมผสานเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่ลึกซึ้งและยิ่งใหญ่
“ตอนนี้เราอยู่บนโลกใบกลมซึ่งหมุนรอบตัวเองครบรอบทุก 24 ชั่วโมง ด้วยความเร็ว 1,000 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่เรากลับไม่รู้สึกใดๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมอบความรู้สึกที่คล้ายกัน นักปราชญ์ ‘เฮราคลิตุส’ เคยกล่าวว่า ‘ไม่มีใครก้าวลงแม่น้ำสายเดียวกันได้เป็นครั้งที่สอง’ เพราะเขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปและแม่น้ำนั้นก็ไม่ใช่สายเดิมอีกแล้ว การเปลี่ยนแปลง ความไม่จีรัง และการเติบโต นั่นคือสิ่งที่หนังเรื่องนี้ต้องการสื่อ” โปรดิวเซอร์ “บิลล์ บล็อก” ทิ้งท้าย
แฟนหนังชาวไทยเตรียมร่วมสัมผัสเรื่องราวมหากาพย์ที่เรียงร้อยจากช่วงเวลาแสนพิเศษนับไม่ถ้วน ปรากฏการณ์ภาพยนตร์อบอุ่นหัวใจส่งท้ายปี “Here ที่นี่ นิรันดร” 5 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
Eric Roth Forrest Gump Here Kelly Reilly Paul Bettany Richard McGuire Robert Zemeckis Robin Wright Tom Hanks ที่นี่ นิรันดร