กระสือวาเลนไทน์ (Ghost of Valentine)
เรื่องย่อ
สิบสี่กุมภาพันธ์ สองพันสี่ร้อยแปดสิบสี่
วันแสนดี วันที่รัก ปักใจสอง
หวังให้เธอ เคียงอยู่ เป็นคู่ครอง
ไม่หวังปอง สิ่งอื่นใด ในโลกา
แต่ชะตา กลับกลั่นแกล้ง ไม่เข้าข้าง
จำต้องห่าง ร้างไกล ให้โหยหา
ขอจงรอ รอพี่หน่อย นะแก้วตา
รอพี่มา กลับใกล้ชิด นิจ…นิรันดร์
ในยุคสมัยที่ “มนุษย์” เมินเรื่อง “นรก-สวรรค์”
ไม่สนใจใน “กฎแห่งกรรม”
ไม่ศรัทธา “การทำความดี”
ไม่ใยดีในเรื่อง “ความรัก”
และไม่ปักใจเชื่อว่า “กระสือ” จะมีจริง
ผู้กำกับ “ยุทธเลิศ สิปปภาค” จะยำแกนเรื่องทั้งหมด
มาให้ได้สัมผัสกันแบบ “ดราม่า” จริงจัง
แต่ไม่เจือจางอารมณ์ “ขันพองสยองเกล้า”
ที่จะทำให้คุณต้องกลับไปทบทวนคำตอบของ
“Do You Believe in Destiny?”
กันใหม่อีกหลายตลบ
ผ่านการแสดงหนังใหญ่ครั้งแรกของนักแสดงหญิงรุ่นใหม่ “พลอย จินดาโชติ”
และนักแสดงชายเจ้าบทบาท “ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์”
กับการถ่ายทอดความรักของพยาบาลสาวและภารโรงหนุ่ม
ท่ามกลางบรรยากาศโรงพยาบาลเก่าแก่
ที่มีเสียงร่ำลือหนาหูถึง “กระสือสาว” นางหนึ่ง…อยู่บ่อยครั้ง
ในภาพยนตร์รักซาบซึ้งชวนสยอง ของยุทธเลิศ
“กระสือวาเลนไทน์”
9 กุมภาพันธ์ 2549
แล้วคุณจะซึ้งจนขนหัวลุก
ณ โรงพยาบาลเก่าแก่แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ…มีเรื่องราวความรักถือกำเนิดขึ้น
พยาบาล “สาว” (พลอย จินดาโชติ) แสนสวยบุคลิกดี ซึ่งถึงแม้ว่าเธอเพิ่งจะย้ายมาประจำการ ณ โรงพยาบาลแห่งนั้นได้ไม่นานนัก แต่เธอก็เป็นที่รักใคร่ชอบพอของเพื่อนร่วมงานทุกคนในโรงพยาบาล ไม่เว้นแม้แต่ภารโรง “หนุ่ม” (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) คนซื่อที่ถูกชะตากับพยาบาลสาวตั้งแต่แรกเห็นในวันวาเลนไทน์ของปี 2549 นี้ด้วย
“ดอกกุหลาบ” ดอกแรกที่สาวได้รับจากภารโรงหนุ่มโดยบังเอิญในวันแห่งความรักนั้น นำไปสู่จุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งคู่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ประหลาดและความผูกพันกันอย่างคาดไม่ถึง
หรือพรหมลิขิตที่สาวเชื่อมั่นอยู่เสมอจะชักพาให้เธอพบกับความรักครั้งใหม่ หลังจากที่ถูกหักอกกับรักครั้งเก่า จนต้องพกพาความบอบช้ำย้ายเข้ามาทำงาน ณ โรงพยาบาลแห่งนี้…ที่ความรักกำลังดำเนินไป
ก่อนหน้านี้สาวมักจะมีอาการประหลาดที่ต้องตื่นขึ้นมาอาเจียนในทุกๆ เช้า และทุกครั้งสิ่งที่เธออาเจียนออกมานั้นดูไม่แตกต่างจากรกเด็กที่เธอเคยเห็นในห้องคลอดเลยสักนิด รวมทั้งเธอยังมีอาการเห็นภาพซ้อนแวบเข้ามาในสมองอย่างไม่มีที่มาที่ไป และภาพที่เห็นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นภาพของโรงพยาบาลแห่งเดียวกันนี้ในยุคสงครามเมื่อกว่าหกสิบปีที่ผ่านมา
เท่านั้นไม่พอ สาวยังได้พบกับ “ภาพถ่ายเก่าๆ ใบหนึ่ง” ในกล่องเหล็กซึ่งถูกวางอยู่ในห้องพักของเธอมาเนิ่นนาน ในภาพนั้นเป็นภาพของหนุ่มในชุดทหารสมัยสงครามถ่ายคู่กับเธอในชุดพยาบาลในยุคเดียวกัน และด้านหลังภาพถ่ายเป็นลายมือของหนุ่มที่เขียนถึงเธอ
จากข้อความบางอย่าง มันได้บ่งบอกว่าในชาติที่แล้วทั้งสองคนนี้คือคู่รักกัน
แต่ยังไม่ทันที่สาวจะนำภาพถ่ายใบนั้นไปให้หนุ่มคลายความเคลือบแคลงสงสัยของเธอลง อุบัติเหตุหนึ่งกลับทำให้หนุ่มกลายเป็นอัมพาต และไม่สามารถสื่อสารใดๆ ได้นอกจากแค่การกะพริบตา
หรือเวรกรรมกำลังจะตามมาสนองคู่รักเมื่อชาติที่แล้วคู่นี้อย่างเท่าทัน
ขณะเดียวกันในค่ำคืนแห่งความสับสน สาวกลับค้นพบความจริงอันน่าสะพรึงกลัวภายในร่างกายของเธออย่างยากที่เธอจะเชื่อได้…มันคืออะไรกัน
หรือเธอเองจะมีส่วนผูกโยงกับ “กระสือสาว” ที่ถูกร่ำลือถึงบ่อยๆ
ณ โรงพยาบาลเก่าแก่แห่งนี้…เรื่องราวความรักกำลังจะจบลง
เกร็ด…กระสือ
จากบันทึกเรื่องราวเล่าขานเกี่ยวกับ “ผีกระสือ“ ที่มีอยู่หลายสำนักในประเทศไทย กล่าวไว้ว่าผีกระสือมีแทบทุกภาคของเมืองไทย แต่ละภาคก็จะมีชื่อเรียกต่างกันออกไป เช่น “ผีสือ“, “ผีกละ“ หรือ “ผีโพง“
แม้จะมีชื่อเรียกผีต่างกันออกไป แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็รับรู้ในแบบเดียวกันว่า ผีกระสือไม่ใช่วิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว แต่เป็นผีที่เกิดจากคนซึ่งมีชีวิตอยู่แต่แยกจิตวิญญาณออกไปเป็นผีกระสืออีกร่างหนึ่ง จะว่าคนเดียวมีสองร่างก็พอได้ และที่แปลกอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ผู้ที่เป็นผีกระสือจะผูกขาดอยู่เฉพาะเพศหญิงเท่านั้น ไม่เคยมีปรากฏว่าผู้ชายเป็นผีกระสือมาก่อนแต่อย่างใด
สำหรับความเป็นมาหรือมูลเหตุการเกิดเป็นกระสือนั้นไม่เคยมีการแจ้งไว้อย่างชัดเจน แต่ส่วนใหญ่จะเชื่อกันว่าเป็นมรดกตกทอดของอาถรรพ์วิญญาณเร้นลับซึ่งจะต้องสืบต่อกันมาเป็นรุ่นๆ หรือเป็นวิบากกรรมซึ่งผู้มีกรรมจะต้องสืบทอดต่อๆ กันไปจนกว่าวิบากกรรมนี้จะจบสิ้น การเป็นผีกระสือนั้นจะตายไม่ได้ ถึงจะแก่หง่อมอย่างไรก็ยังต้องมีชีวิตอยู่
ผีกระสือจะปรากฏตัวในลักษณะเฉพาะแค่หัวกับไส้และดวงไฟเรืองแสงในตอนกลางคืน เพื่อออกหากินพวกอาจมสกปรกที่คนไปถ่ายทิ้งไว้, เลือด, น้ำเหลืองของหญิงที่เพิ่งคลอดลูกใหม่ๆ รวมถึงตับไตไส้พุง และรกเด็กด้วย
มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า เมื่อกระสือกินพวกของสกปรกจนอิ่มแปล้แล้ว มักจะใช้ผ้าที่หาได้บริเวณนั้นเช็ดปากและทิ้งไว้ หากอยากรู้ว่าใครเป็นผีกระสือก็ให้นำผ้าไปนึ่งหรือต้ม คนที่เป็นผีกระสือจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ปากเหมือนถูกน้ำร้อนลวก กระทั่งทนไม่ไหวจนต้องยอมปรากฏตัวออกมาขอร้องให้เลิกต้มผ้านั้นเสีย แต่ผีกระสือบางรายอับอายที่จะให้ใครรู้ว่าตนเป็นจึงยอมทนปวดแสบปวดร้อนจนปากเน่าพุพองอย่างน่าเวทนา
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อกันอีกว่า ผีกระสือจะไม่กล้าเข้ามาใกล้หนามพุทรา เพราะกลัวหนามจะเกี่ยวลำไส้ของมันเอาไว้ และจะกลับคืนสู่ร่างเดิมไม่ได้ ดังนั้นชาวบ้านจึงมักกองหนามพุทราเอาไว้ใต้ถุนบริเวณบ้าน
ส่วนการสืบทอดเป็นผีกระสือรุ่นต่อๆ ไป ก็คือคนที่เป็นผีกระสือจะใช้น้ำลายป้ายหรือหลอกให้คนอื่นกินน้ำลายของตน และใครที่โดนน้ำลายป้ายหรือกินน้ำลายของคนที่เป็นผีกระสือก็จะกลายเป็นผีกระสือรุ่นต่อไปทันที
คาถาหาคู่ (คาถาภาวนาให้รู้ว่า คู่วาสนาของตนจะมีหรือไม่)
ปุฟเพวะ สันนิวา เสนะ
ปัจจะบันนะ หิเตนะ วา
เอวันตัง ชะยะเต เปมัง
อุปะลัง วะ ยะโส ธะเกฯ
จุดธูปเทียน (เทียน 2 เล่ม ธูป 3 ดอก) ให้ทำในวันพระ ขึ้น 15 ค่ำยิ่งดี ให้ตั้งน้ำสะอาด 1 ขัน แล้วสวดคาถานี้เท่าอายุ เช่น อายุ 30 ปี ก็สวด 30 จบ แล้วนำน้ำนั้นมาล้างหน้า หลังจากนั้นให้รีบเข้านอน ท่านว่ากลางคืนจะฝันถึงคู่ครองจองตน ถ้ามีวาสนาบารมีจะได้พบความรัก
คาถาที่ใช้นี้สำหรับผู้ที่อายุมากแล้วทั้งชายหญิง และไม่เคยพบกับความรักมาก่อน เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังเป็นม่ายหรือกำลังขาดแคลนความรัก ด้วยประการฉะนี้แล
Ghost of Valentine กระสือวาเลนไทน์ กุหลาบแดง ณรงค์ รตาภรณ์ ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ พลอย จินดาโชติ มหาการพิคเจอร์ส มหาการภาพยนตร์ ยอด นครนายก ยุทธเลิศ สิปปภาค วิยะดา อุมารินทร์ สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ สมัคร ผลประเสริฐ อดิญา วัฒนชัยมงคล อนันต์ แต่งผล โกร่ง กางเกงแดง โกวิท วัฒนกุล โพธิ์ทอง ไก่ พรรณนิภา