โอเคเบตง (Baytong)
เรื่องย่อ
ครั้งแรกกับสัมผัสแห่งคอเมดี้ที่ถูกสอดแทรกด้วยงานดราม่าในสไตล์ “นนทรีย์ นิมิบุตร” ผู้กำกับที่พลิกหน้าประวัติศาสตร์หนังไทย (นางนาก, จันดารา, อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต) โดยตั้งใจเล่นกับ “ความต่าง” และ “การค้นพบตัวเอง” ของ “ธรรม” (ภูวฤทธิ์ พุ่มพวง) พระหนุ่มวัยเข้าใกล้ 30 ที่ต้องพบกับจุดพลิกผันครั้งสำคัญในชีวิต เมื่อต้องสละจากสมณเพศที่คุ้นเคยมาทั้งชีวิตเพื่อออกมาดูแลหลานสาววัย 7 ขวบที่สูญเสียมารดาจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดรถไฟ ทำให้ทิดธรรมต้องเดินทางกว่าพันๆ กิโลเมตรไปยังดินแดนที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทยอย่าง “เบตง” เพื่อเรียนรู้ชีวิตในอีกหลากหลายมุมมองที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน อาทิ ความแตกต่างทางเชื้อชาติ-ศาสนา, วิถีชีวิตของคนกลางคืน, ผู้หญิง โดยมีสิ่งที่พิเศษที่สุดคือเรียนรู้ “ความรัก”
ทุกชีวิตในโลกล้วนต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง หลายคนกลัวและไม่กล้าที่เผชิญหรือยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น แต่ในขณะที่ใครบางคนเคยบอกไว้ว่า ความน่ากลัวไม่ได้อยู่ที่การที่คนเราต้องเปลี่ยนแปลง แต่วิธีการเตรียมพร้อมและการควบคุมสติที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นต่างหากที่เราควรจะกลัว…
สำหรับพระที่ผ่านการบวชเรียนและใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตอยู่ในโลกแห่งธรรมะอย่าง “พระธรรม” (ว่าน-ภูวฤทธิ์ พุ่มพวง) ตลอดชีวิตที่ผ่านมาได้เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในชีวิตเพียงครั้งเดียวคือการสูญเสียพ่อแม่ เมื่อมีอายุได้เพียง 5 ขวบเมื่อพ่อแม่เสียชีวิต ทำให้จันทร์พี่สาวเพียงคนเดียวของพระธรรมตัดสินใจนำมาฝากไว้กับหลวงพ่อในวัดป่าแห่งหนึ่ง ใช้ชีวิตเติบโตมาเพียงลำพังในโลกที่ไม่เพียงแตกต่าง แต่ยังหากไกลจากการดำเนินชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่ ส่วนพี่สาวตัดสินใจออกเดินทางสู่โลกกว้างสู้ชีวิตเพื่อหาเลี้ยงสามเณรธรรม แทบกล่าวได้ว่า “ความเปลี่ยนแปลง” เป็นสิ่งที่สร้างความคุ้นเคยให้กับพระธรรมน้อยที่สุด
แต่โดยไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตกำลังจะเกิดขึ้นกับพระธรรมในวัยเฉียด 30 พรรษา เมื่อได้รับแจ้งข่าวว่าพี่จันทร์ซึ่งเป็นพี่สาวเพียงคนเดียวเสียชีวิตในระหว่างการเดินทางมาทอดผ้าป่ายังวัดที่พระธรรมปฏิบัติธรรมอยู่พร้อมกับ “มารีอา” (แซร่าห์-สรัญญ่า เครื่องสาย) ลูกสาววัย 7 ขวบและน้องๆ นักร้องคาแฟ่ที่นับถือกัน แต่เคราะห์ร้ายที่รถไฟขบวนดังกล่าวถูกผู้ก่อการร้ายลอบวางระเบิดที่ปัตตานีเสียก่อน พระธรรมรีบเดินทางมาให้ทันร่วมงานศพของพี่จันทร์ที่อำเภอเบตง จ.ยะลาโดยด่วน
โดยพระทางธรรมที่ผ่านการบวชเรียนมาตลอดชีวิตต้องออกเดินทางนับพันกิโลเมตรจากวัดป่าในภาคอีสาน โดยรถบัส ต่อรถไฟ ขึ้นรถยนต์ สู่ดินแดนที่อยู่ใต้สุดของประเทศอย่างเบตงเป็นครั้งแรก สิ่งที่พระธรรมรู้สึกได้จากการย่างก้าวออกมาจากโลกแห่งธรรมะสู่โลกแห่งโลกียะ เผชิญหน้ากับโลกแห่งความเป็นจริงเป็นครั้งแรกนั้น คือความแตกต่างที่เห็นได้ชัดจากโลกตรงหน้ากับโลกที่ตนจากมาทั้งๆ ที่เป็นโลกใบเดียวกัน ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวช่างหมุนและเดินหน้าเร็วกว่าโลกเก่าที่คุ้นเคยนัก ดูทีท่าว่านอกจากจะไม่เคยหยุดนิ่งแล้ว ยังมีสีสันแปลกตาและเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายอย่างเหลือเกิน
การเดินทางมาราธอนแบบนันสต็อปโดยไม่หยุดพักนับสิบๆ ชั่วโมทำให้พระธรรมเรียนรู้ความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก เมื่อร่างกายไม่สามารถปรับตัวและเอาชนะกับอุปสรรคในการเดินทางครั้งนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามพระธรรมก็สามารถเดินทางมาถึงพิธีศพพี่จันทร์ที่วัดได้อย่างทันท่วงทีถึงแม้จะเต็มไปด้วยความทุลักทุเล
ที่เบตง พระธรรมได้พบกับผู้คนที่เกี่ยวพันในชีวิตของพี่จันทร์มากมาย ล้วนแตกต่างทั้งในวัยวุฒิและคุณวุฒิอันหลากหลายของกันและกัน ซึ่งสะท้อนถึงอุปนิสัยใจคอที่ดี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ใครๆ ต่างก็รักและนับถือในตัวพี่จันทร์ ในชีวิตช่วงสุดท้ายของพี่สาวเพียงคนเดียวของพระธรรม คือการทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการเลี้ยงดูมารีอาและกิจการร้านเสริมสวยทำผมแต่งหน้า ซึ่งมีลูกค้าประจำ คือกลุ่มบรรดานักร้องคาเฟ่รุ่นน้องของพี่จันทร์ที่มาใช้บริการก่อนที่จะออกไปประกอบอาชีพมอบความสุขให้กับผู้คนในแต่ละค่ำคืน จนดูเหมือนว่าร้านเสริมสวยมารีอาที่พี่จันทร์ตั้งตามชื่อลูกสาวแทบจะกลายเป็นบ้านหลังที่ 2 ของเหล่านักร้องเหล่านี้เต็มที่ ทำให้พระธรรมตัดสินใจลาสึกจากสมณเพศที่คุ้นเคยมาทั้งชีวิต เพื่อออกมาดูแลมารีอาหลานสาวที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวที่ยังเหลืออยู่ เพราะคงไม่ดีนักถ้ามารีอาต้องเติบโตขึ้นมาท่ามกลางสภาพสังคมของกลุ่มผู้หญิงกลางคืน และที่สำคัญที่สุด ธรรมคงไม่สามารถดูแลมารีอาได้เต็มที่ตราบใดที่ยังคงอยู่ในสถานะของพระที่ต้องนุ่งเหลืองห่มเหลืองเป็นแน่แท้
ธรรมยังจำได้ถึงวินาทีแรกที่เห็นแววตาของหลานสาวตัวน้อยที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ดูช่างน่าสงสารเป็นยิ่งนักที่ต้องสูญเสียคนที่รักไปตั้งแต่อายุยังน้อย หนำซ้ำขาข้างหนึ่งยังต้องใส่เฝือกนอนซมอย่างน่าสงสาร ทำให้อดที่จะห่วงไม่ได้ถึงแม้ว่ามารีอาจะได้รับการดูแลและเป็นที่รักใคร่ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักร้องคาเฟ่หรือแม้แต่ “หลิน” (ยุ้ย-จีรนันท์ มะโนแจ่ม) หญิงสาวอีกคนที่คอยช่วยเหลือเลี้ยงดูมารีอามาตลอดหลังจากพี่จันทร์เสียชีวิต หลินเป็นหญิงสาวลูกครึ่งจีนที่งามทั้งหน้าตาและจิตใจดี หลินเปิดกิจการบริษัททัวร์ตั้งอยู่เยื้องๆ กับร้านเสริมสวยมารีอา ไม่ว่าจะมีงานเยอะแค่ไหนหลินก็จะแบ่งเวลาและปลีกตัวมาทำหน้าที่คอยขี่มอเตอร์ไซค์รับส่งมารีอาไปเรียนหนังสืออยู่ทุกวัน หรือแม้แต่ “พี่วงศ์” (พิภูษณ วิจิตรวงศ์เจริญ) ชายหนุ่มวัยกลางคนเจ้าของคาเฟ่จิตใจดีมีนิสัยคอยให้ความช่วยเหลือในทุกๆ เรื่องแก่พี่จันทร์และมารีอา รวมทั้งยังคอยช่วยเป็นธุระให้กับธรรมตั้งแต่ติดต่อเรื่องการสึก การย้ายสถานะทางโลกจากพระมาเป็นนาย ทำบัตรประชาชน รวมทั้งติดต่อทนายทำเรื่องการขอเลี้ยงดูมารีอาอย่างเป็นทางการจาก “กาเซ็ม” พ่อของมารีอาชาวมุสลิมที่เดินเรืออยู่ที่มาเลเซีย และไม่เคยดูแลมารีอาเลยหลังจากเลิกกันกับจันทร์ นอกจากนี้ยังมี “เฟิร์น” (สรวงสุดา ศรีธัญรัตน์) นักร้องสาวดาวเด่นประจำคาเฟ่ที่รู้สึกผูกพันกับธรรมเป็นพิเศษ และเป็นคนที่ทำให้ธรรมรู้ว่าต้องแต่งตัวอย่างไรถึงจะจ๊าบ
ความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่ประดังเข้ามา ทำให้ทิดธรรมต้องเรียนรู้และปรับตัวในโลกใหม่ใบเดิมที่บูดๆ เบี้ยวๆ การเผชิญหน้าภาวะแวดล้อมที่ล้วนเต็มไปด้วยเพศหญิง ความผูกพัน ความรัก ความสูญเสีย โดยเฉพาะอารมณ์และความรู้สึกที่อยู่นอกเหนือการควบคุมด้วยเหตุและผล ล้วนเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจจากความใกล้ชิดและผูกพันที่เกิดขึ้น ทำให้ธรรมอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกบางอย่างกับหลินขึ้นโดยไม่รู้ตัว ในขณะเดียวกันกับที่พระธรรมกำลังจะสูญเสียมารีอาหลานสาวเพียงคนเดียว เมื่อกาเซ็มพ่อแท้ๆ ของมารีอาเรียกร้องที่จะขอเป็นผู้ดูแลเลี้ยงดูมารีอาด้วยตัวเองโดยจะนำไปอยู่ที่มาเลเซียกับตน แต่ดูเหมือนว่าบททดสอบในการใช้ชีวิตทางโลกของธรรมจะยังยุ่งเหยิงไม่พอ เมื่อเขาต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่ว่าหลินเองพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้กับคนที่หลินรักยอมแลกและเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเพื่อสิ่งที่เรียกว่าความรัก
ขณะเดียวกับที่ “ฟารุก” (หนุ่ม-อรรถพร ธีมากร) หัวหน้าขบวนการใต้ดินที่ทางการเชื่อว่าเป็นตัวการเกี่ยวพันกับการลอบวางระเบิดบนรถไฟที่ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่จันทร์เสียชีวิตได้ปรากฏตัวขึ้น เฟิร์นสาวคาเฟ่ที่หลงใหลในตัวธรรมก็กำลังจะทำให้ธรรมได้เรียนรู้สิ่งที่เรียกว่า “ความต้องการทางเพศ” เป็นอย่างไร โดยมีสิ่งเดียวที่จะอยู่ติดตัวกับธรรมมาทั้งชีวิตจะช่วยให้ผ่านวิกฤตการณ์สำคัญในชีวิตได้คือการยึดครองสติให้มั่น
เพียงทว่าในความเป็นจริงไม่มีใครตอบได้ว่า ณ บัดนี้โลกใหม่ใบเดิมที่เต็มไปด้วยความสับสนพลุ่งพล่านได้แทรกซึมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของทิดธรรมมากน้อยเพียงไร แล้วโลกเก่าที่จากมาจะยังคงหลงเหลืออยู่ในจิตใจของธรรมมากน้อยเพียงไร และสติที่เหลืออยู่นั้นเพียงพอที่จะสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิตของเขาหรือไม่…
Baytong จีรนันท์ มะโนแจ่ม ชาญกิจ ชำนิวิกัยพงศ์ ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ นนทรีย์ นิมิบุตร น้ำผึ้ง โมจนกุล นิรุธ วิจิตรวงศ์เจริญ พิภูษณ วิจิตรวงศ์เจริญ ภูวฤทธิ์ พุ่มพวง ศิริภัค เผ่าบุญเกิด สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ สรวงสุดา ศรีธัญรัตน์ สรัญญ่า เครื่องสาย อรรถพร ธีมากร เป็นเอก รัตนเรือง เอก เอี่ยมชื่น โอเคเบตง
นักแสดง
ผู้กำกับ
นนทรีย์ นิมิบุตรรางวัล
รางวัล “STARPICS Thai Film Awards ครั้งที่ 1” (ประจำปี 2546) – ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม (ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์), เพลงนำภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เพลง “เบตงคาเฟ่” – ขับร้อง: เนตรนภา หาญโรจนวุฒิ, เนื้อร้อง: คงเดช จาตุรันต์รัศมี, ทำนอง: ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์)