ระวัง! “ความสยอง” ครั้งใหม่อยู่ใกล้กว่าที่คิด แค่ “จ๋อ” ตัวเดียวก็ทำให้เกิด “ความบรรลัย” สุดขีด และมันพร้อมจัด “ความตาย” ให้ทุกคนได้ทันทีเพียงแค่ “ไขลาน”
- จ๋อผงาดเกินหน้าเกินตา! “The Monkey” เป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่เปิดตัวแรงมากที่สุดในปีนี้ด้วยสถิติคับคั่งคือ เป็นภาพยนตร์สยองขวัญอินดี้ที่ยอดรับชมตัวอย่างรวมทุกแพลตฟอร์มทะลุ 100 ล้านภายใน 72 ชั่วโมง / เป็นภาพยนตร์สยองขวัญลำดับที่ 4 ที่คนรอคอยมากที่สุดในปีนี้ (จาก Letterboxd) / เปิดตัวคะแนน Rotten Tomatoes สูงถึง 92% จากฝั่งนักวิจารณ์ / เป็นหนังสยองขวัญที่มียอดขายตั๋วล่วงหน้ามากที่สุดของปี 2025 (ในเว็บ Fandango) / เป็นภาพยนตร์ทำเงินอันดับสองของอเมริกาในสุดสัปดาห์เปิดตัว (21-23 ก.พ.) / เป็นภาพยนตร์ลำดับที่สองของค่าย “NEON” ที่ทำรายได้เปิดตัวสูงที่สุดรองลงมาจาก “Longlegs” (2024) ซึ่งเป็นผลงานจากผู้กำกับ “ออสกูด เพอร์กินส์” เช่นเดียวกัน
- ต้นกำเนิดความสยอง! “The Monkey” เป็นเรื่องสั้นสุดผวาของนักเขียนตัวพ่อระดับตำนาน “สตีเวน คิง” ที่เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 1980 ในนิตยสารผู้ใหญ่อย่าง “Gallery” และถูกรวมอยู่ในชุดเรื่องสั้นสุดสยอง “Skeleton Crew” (1985) ที่มีผลงานเรื่องดังอย่าง “The Mist” (1980) อยู่ด้วย
- ผลักดันความหลอนลั่น! ผู้ที่ช่วยให้ผู้กำกับ “ออสกูด เพอร์กินส์” ดัดแปลงผลงานของคิงออกมาสำเร็จคือบริษัท “Atomic Monster” ของ “เจมส์ วาน” โปรดิวเซอร์มือฉมัง และ “The Safran Company” ของ “ปีเตอร์ ซาฟราน” ซึ่งเคยช่วยผลิตผลงานในจักรวาล “The Conjuring” (2013-2025) ของวาน ทั้งสองฝ่ายเสนอเรื่องย่อและบทฉบับร่างให้เพอร์กินส์ เขาติดใจพล็อตทันทีและยินดีที่จะมากำกับ เขาเริ่มต้นเขียนบทขึ้นมาใหม่ทั้งหมดหลังจากอ่านต้นฉบับอีกครั้ง เขาไม่ได้กลับไปพึ่งมันอีกเลย นี่เป็นก้าวสำคัญสำหรับเพอร์กินส์ แถมทีมโปรดิวเซอร์ก็ไม่ได้อยากทำ “ก๊อบปี้โชว์”
- อินแรงคลั่งขิต! ผู้กำกับเพอร์กินส์เผยว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการตายสุดแปลกประหลาด แบบฉบับการตายสุดพิสดารใน “The Monkey” สืบเนื่องมาจากเรื่องราวการตายของพ่อแม่ ซึ่งพ่อของเขาคือ “แอนโทนี เพอร์กินส์” นักแสดงดังผู้รับบท “นอร์แมน เบตส์” ใน “Psycho” (1960) เสียชีวิตจากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับโรคเอดส์เมื่อปี 1992 ส่วนแม่ของเขาก็เสียชีวิตบนเครื่องบินลำแรกที่ชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001… “สิ่งที่เกี่ยวกับตุ๊กตาลิงตัวนี้คือคนที่อยู่รอบๆ มันจะตายไปในวิธีที่บ้าๆ แบบสุดขั้ว ดังนั้นผมคิดว่าเอาละ ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ เพราะทั้งพ่อและแม่ของผมก็เสียชีวิตแบบบ้าๆ จนเป็นข่าวใหญ่… เป็นที่รู้กันว่าผมเจอเรื่องน่าตกใจในชีวิตมาเยอะ เสียทั้งพ่อและแม่จากเหตุการณ์ที่ยากจะอธิบาย ผมอยากใช้หนังเรื่องนี้เป็นเครื่องเยียวยาประสบการณ์เหล่านั้น ใช้ความตลกหลุดโลกเข้ามาช่วย มันให้ความรู้สึกเหมือนว่าลิงตัวนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้น แต่มันก็เข้าถึงง่าย ประหลาด และเหนือจริงในแบบของมันเอง มันดูเหมือนว่าทุกอย่างผสมกันได้กลมกลืน”
- เดบิวต์ความสยอง! “The Monkey” เป็นผลงานการแสดงหนังสยองขวัญเรื่องแรกของนักแสดงหนุ่ม “ธีโอ เจมส์” และท้าทายไปอีกขั้นด้วยการรับบทฝาแฝดที่นิสัยต่างกันสุดขั้วอย่าง “ฮาล” หนุ่มเนิร์ดผู้อ่อนไหวสวมแว่นตาหนาเตอะ และ “บิลล์” จอมอันธพาลไว้ผมแสกกลางสไตล์ 90 และสวมเสื้อเชิ้ตสีดำลายเปลวไฟ โดยเจมส์บอกว่า “บิลล์” คือบทฝาแฝดที่เขาชอบ… “ผมคิดว่าเขาคือเด็กที่แปลกๆ ล้มเหลวอย่างหนัก และกระหายอยากจะได้รับความรัก จากบางส่วนในความยุ่งเหยิงของเขามีคนดีๆ อยู่ แต่ถูกปกคลุมไปด้วยพิษที่ร้ายแรงและความต้องการที่จะได้รับความรักจากแม่ของเขา ผมคิดว่าเขาคือคนที่มีมิติและเป็นคนที่คุณอยากนั่งดื่มเบียร์ด้วยสักสองแก้ว… ส่วน ‘ฮาล’ จะเก็บทุกอย่างไว้ในใจ ผมชอบบทที่สามารถถ่ายทอดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้เห็นมันผ่านดวงตา ฮาลก็ถูกบั่นทอนจากบาดแผลในใจ และความตายที่วนเวียนตัวเขา สำหรับ ‘บิลล์’ มันจะตรงกันข้าม เขาใส่แต่เสื้อผ้าที่ใส่ได้ทั้งสองเพศ เขาไม่สนใจว่าโลกมองเขายังไง เขาเต็มไปด้วยออร่าแห่งความมั่นใจและบ้าคลั่ง”
- แตกต่างและตราตรึง! ผู้กำกับกล่าวถึง “The Monkey” ว่าจะต่างจากหนังสยองขวัญเลือดสาดทั่วไป มันมีความเป็นโรดมูฟวี มีความเหนือจริง และตลกกว่า ส่วนสายสัมพันธ์พ่อลูกก็ชวนให้นึกถึงความหลัง มันควรจะออกมาให้ความรู้สึกถึงผลงานของ “โรเบิร์ต เซเม็กคิส”
- Easter Egg เพื่อคารวะเซเม็กคิส! ผู้กำกับได้สร้างสรรค์หนึ่งฉากสุดวิปริตของเรื่อง ด้วยการแทรกช็อตนาฬิกาที่ชี้เวลาเดียวกันกับที่ปรากฏบนหอคอยสุดไอคอนิกของ “Back To the Future” (1985) ผลงานแจ้งเกิดของเซเม็กคิส
- ตกใจสุดขีด! ผลงานก่อนหน้านี้ของผู้กำกับเพอร์กินส์มักเน้นบรรยากาศอึมครึม มีความสโลวเบิร์น และฉายภาพทิวทัศน์ แต่เรื่องล่าสุดนี้มันจะทำให้ผู้ชมต้อง “สะดุ้งตุ้งแช่” (Jump Scare) แบบไม่ทันตั้งตัวสุดๆ โดยเขาเริ่มทดลองใช้จังหวะ “จัมป์สแกร์” ครั้งแรกใน “Longlegs” และสำหรับ “The Monkey” เขาจะเร่งมันไปจนถึงขีดสุดเลยทีเดียว
- โชคชะตาแห่งความสยองนำพาเรามาเจอกัน! ในช่วงโควิดออสกูดเคยถูกทาบทามให้ดูแลซีรีส์ที่ “ธีโอ เจมส์” จะร่วมแสดง แต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดขึ้นจริง นี่จึงเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของทั้งคู่ และเป็นการรับบทในหนังสยองขวัญครั้งแรกของเจมส์ โดยผู้กำกับพูดถึงเรื่ิองนี้ว่า “ผมคิดว่าบุคลิกของเขาคงเหมาะกับบทนำ เอาคนเท่ๆ อย่างเขามาเป็นคนพูดติดอ่างแบบ ‘ฮาล’ ส่วน ‘บิลล์’ เขาสามารถถ่ายทอดอะไรที่มากกว่าบทคนคลั่งจิตหลุด มันเกือบจะเป็นอารมณ์แบบ ‘ไทเลอร์ เดอร์เดน’ ใน ‘Fight Club’ (1999) ด้วยซ้ำ ตัวละครเหล่านี้มันต่างจากบทที่ธีโอเคยรับมาก ผมคิดว่ามันน่าตื่นเต้น”
- ย้อนรอยผลงานผู้กำกับ! พระเอกเจมส์ก็ตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับผู้กำกับเพอร์กินส์หลังจากโปรเจกต์แรกของพวกเขาถูกพับเก็บไป เขาไล่ดูผลงานทั้งหมดของผู้กำกับเพื่อซึมซับสไตล์ และเขาก็ชอบสิ่งที่ได้ดู… “หนังเรื่องแรกของเขา (The Blackcoat’s Daughter – 2017) ดาร์กสุดขั้นแต่ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน มันซับซ้อนและมืดมน แต่ก็มีกลิ่นอายฮอลลีวูดยุคเก่าอยู่ด้วย ซึ่งผมชอบกลิ่นอายนั้น… ส่วนใน ‘The Monkey’เขาบอกว่ามันเหมือน ‘Gremlins’ (1984) เจอกลิ่นอายของ ‘Hereditary’ (2018) ซึ่งผมว่ามันค่อนข้างตรง ออซฉีกแนวเล็กน้อยในเรื่องนี้ เพราะมันเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน มันตลกมาก ตั้งแต่เริ่มแรกที่เขาบอกผมว่ากำลังทำอะไร ผมคิดว่ามันอบอุ่น น่าประทับใจ ชวนขนลุก แต่ฮาท้องแข็ง”
- การแสดงระดับตัวแม่! “ทาเทียนา มาสลานี” ที่รับบท “แม่เลี้ยงเดี่ยวของเด็กแฝด” มอบสุดยอดการแสดงไว้ในเรื่อง ตัวละครนี้แม้ชีวิตของเธอจะเจอแต่เรื่องที่ไม่คาดคิด แต่ความรักของเธอก็จะปกป้องลูกๆ จากความจริงอันโหดร้าย โดยที่ไม่ปิดบังว่าโลกนี้มันโหดร้ายขนาดไหน เธอเหมือนเป็นตัวแทนของเสียงหัวเราะกลางงานศพ งานนี้ผู้กำกับเอ่ยชมเธอกับบทบาทสำคัญของเรื่อง “ทาเทียนาคือยอดฝีมือ เธอแสดงได้ 20 แบบใน 20 เทก ซึ่งมันดีทั้งหมด ทั้งจริงใจ สนุก น่าสนใจ และคาดไม่ถึง แม้ว่าดูเหมือนเธอจะหมดมุกแล้ว แต่เธอมีอาวุธลับซ่อนอยู่เสมอ ดังนั้นการได้ใครสักคนมารับบทแม่ของผม หรืออย่างน้อยก็สิ่งที่ผมรู้สึกต่อแม่ มันเหมือนได้นักแสดงที่เก่งที่สุดมาร่วมงานด้วย”
- มาสลานีชื่นชมผู้กำกับ! เพอร์กินส์เป็นคนที่เจ๋งมาก มีจินตนาการสูงเหมือนเด็กๆ และความกระตือรือร้นของเขาก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งกองถ่าย ทั้งคู่ยังมีผลงานร่วมกันอีกคือ “Keeper” (2025)
- จับตาฉากสยอง! ฉากการตายในเรื่องที่เพอร์กินส์สนุกกับการกำกับที่สุดคือ “ฉากสระน้ำ” เพราะมันคือส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างดราม่าของสองพี่น้อง และความสยองแบบเซอร์ไพรส์ที่มอบให้ผู่ชมแบบไม่ทันตั้งตัว
- แตกต่างจาก “Longlegs” แน่นอน! “แม้ผู้คนจะชอบ ‘Longlegs’ แต่ผมยังคิดว่ามันยังมีบางอย่างที่ยากต่อการเข้าถึงในเนื้อหา มันมีคำถามบางอย่าง มีสัญลักษณ์บางอย่าง มีความลึกลับที่ทำให้คนรู้สึกว่าฉันชอบภาพยนตร์เรื่องนี้จริงๆ” ผู้กำกับเผย ‘แต่กับ ‘The Monkey’ มันเหมือนกับว่านี่คือจานอาหารที่มีทุกอย่างที่คุณชอบ แล้วทุกคนก็แค่รับประทานมันไป พร้อมหัวเราะและกรีดร้องไปด้วยกัน”
เมื่อ “พี่น้องฝาแฝด” ค้นพบ “ตุ๊กตาลิง” ของเล่นตัวเก่าของพ่อที่ห้องใต้หลังคา และเริ่มไขลานมันขึ้นมา ทันใดนั้นความตายที่สุดแสนจะบรรลัยก็เริ่มเกิดขึ้นกับคนรอบตัวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง พร้อมผนึกกำลังสร้างสรรค์ความสยองขั้นสุดโดยสามตัวพ่อแห่งวงการหนังสยองขวัญระดับตำนาน “ออสกูด เพอร์กินส์” (เขียนบท-กำกับ), “สตีเวน คิง” (เจ้าของเรื่องสั้นสุดสะพรึง) และ “เจมส์ วาน” (โปรดิวเซอร์)
เตรียมตัวเป็นสักขีพยานแห่งการประหัตประหารสุดวิปริต พร้อมสัมผัสอุบัติการณ์เพี้ยนคลั่งที่ความตายจะอยู่ใกล้แค่…ไขลาน “The Monkey จ๋อจัดตาย” จะเล่น “มัน” หรือจะโดน “มัน” เล่น รู้กันแน่ 27 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์