คุยกับ “โน่-ภูวเนตร สีชมภู” จาก “เซียนหรั่ง ไทบ้าน” สู่ “เสือยอด ไรเดอร์” (Rider) รับประกันความฮาสยองของแทร่เด้อ วันนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

หนุ่มอีสานหน้าฝรั่งลูกครึ่งไทย-เบลเยียม “โน่-ภูวเนตร สีชมภู” ผู้โด่งดังมาพร้อมเพื่อนๆ แก๊งไทบ้านจากภาพยนตร์คุณภาพ “ไทบ้านเดอะซีรีส์ 1-2” (2560-2561) และภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลสุพรรณหงส์ปีล่าสุด “สัปเหร่อ” (2566) เขามีความสนใจด้านภาพยนตร์เป็นพิเศษจนได้มีโอกาสเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในเรื่อง “รักหนูมั้ย” (2563) ตามมาด้วย “เซียนหรั่ง เดอะมูฟวี่” (2566) ซึ่งทั้งสองเรื่องต่างก็ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เขายังมีรายการออนไลน์ชื่อดังทางยูทูบอย่าง “เฮ็ดอย่างเซียนหรั่ง” (ช่อง One Playground)และ “เซียนหรั่ง วิถีชีวิตแบบมะลายยายอยาก” (ช่องเซียน Studio) ซึ่งแต่ละคลิปมียอดวิวทะลุล้านแทบทั้งนั้น โดยเฉพาะตอนล่าสุดที่มีหนุ่มหล่อ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ไปเป็นแขกรับเชิญกับการใช้ชีวิตแบบไทบ้านสุดสนุก ก็ทำเอายอดวิวแตกทะลุ 5.9 ล้านวิว ในเวลาเพียง 12 วัน

 

โน่ยังมีความสามารถหลากหลายด้าน นอกจากงานแสดงและกำกับแล้ว เขายังมีฝีมือด้านการทำเพลงขึ้นแท่นเป็น “นักร้อง 100 ล้านวิว” ในนามวง NaraNo” (นาราโน่) จากเพลง “ต้องการอะไร” (2561) ซึ่งปัจจุบันมียอดวิวสูงถึง 236 ล้านวิว และอีกหลายเพลงที่มียอดวิวทะลุหลายสิบล้านไปจนถึงร้อยล้านวิว ไม่ว่าจะเป็น “แม่ของลูก” (2562 / 104 ล้านวิว), “เพื่ออะไร” (2562 / 31 ล้านวิว) และ “ยินดีที่จะทำ” (2562 / 35 ล้านวิว) รวมถึงการร่วมร้องเพลงฟีเจอริงกับ “โจอี้ ภูวศิษฐ์” ในเพลง “เสี่ยว” (2565 / 16 ล้านวิว)

 

ล่าสุด เขามาสร้างสีสันความฮาสยองกับบทบาทนักส่งของตัวตึงผู้ติดโซเชียลเป็นชีวิตจิตใจในภาพยนตร์ไทยเรื่อง “ไรเดอร์” (Rider) ที่กำลังโกยความหลอนฉ่ำฮาแรงถูกใจผู้ชมเป็นอย่างมากอยู่ในโรงภาพยนตร์ พร้อมร้องเพลงประกอบภาพยนตร์สุดม่วนจอยของเรื่องนี้ด้วย

 

 

มาร่วมงานในเรื่อง “ไรเดอร์” นี้ได้ยังไง

เป็น “พี่กังฟู” (ผู้กำกับ) ติดต่อมาครับ บอกว่าอยากให้ลองมาเทสต์หน้ากล้อง มาฟิตติ้งเสื้อผ้ากันดู เขาน่าจะอยากได้วัยรุ่นฝรั่งและเว่าอีสาน อยากได้คาแร็กเตอร์ประมาณนี้ ตอนแรกที่พี่เขาติดต่อมาบอกว่าชื่อหนังเรื่อง “ไรเดอร์” ก็ไม่คิดว่าจะเป็นหนังแนวสยองขวัญเลยครับ

 

บทบาท-คาแร็กเตอร์

เรื่องนี้ผมรับบทเป็น “เสือยอด” ครับ หนึ่งในแก๊ง “ไรเดอร์” ที่สนิทกันมานาน เสือยอดเป็นคนที่กลัวผีจนขึ้นสมอง แต่มีความอยากเห็นผี มีช่องโซเชียลเอาไว้ไลฟ์เล่าเรื่องผี ประสบการณ์ผีที่เราเจอ หรือเพื่อนเราเจอ เสือยอดก็ชอบไลฟ์เล่าเรื่องเหล่านี้ เป็นคนสนุกสนาน แหกปาก ขี้เล่น รักเพื่อน รับออเดอร์ได้ว่องไว ขับว่องไว คิดไว ทำไวไปหมด เป็นคนที่ชอบทำให้เพื่อนลำบากต้องคอยไปช่วยเสมอ

เสือยอดจะมีเพื่อนซี้สองคนชื่อ “นัท” (มาริโอ้) เป็นคนมองเห็นผี มีความสามารถสัมผัสถึงผีตรงนั้นตรงนี้ได้ จะคอยบอกว่ามีวิญญาณอยู่ตรงนั้นตรงนี้ ส่วน “น้าไก่” (ดีเจอาร์ต) เป็นพี่โตสุดในแก๊งแต่พึ่งพาอะไรไม่ค่อยได้ ผมนึกว่าเสือยอดกลัวผีที่สุดแล้ว แต่น้าไก่กลัวหนักกว่า เพราะตอนเด็กๆ แกเคยถูกพระทักว่าแกจะตายเพราะผีเลยยิ่งกลัวหนักเลย

 

“เสือยอด” เป็นเหมือนตัวเองไหม

มีส่วนที่เหมือนผมเวลาที่คุยอะไรก็จะไม่ได้สาระเท่าไหร่ พูดติดตลกไปเรื่อย จะแตกต่างตรงที่ “เสือยอด” จะพูดอะไรไม่ค่อยคิด แต่ “พี่กังฟู” อยากได้คนที่พูดไปเรื่อย แหกปากไปเรื่อย ปากไวอยากพูดอะไรก็พูด รู้สึกอะไรก็ไม่เก็บ ไม่ต้องไตร่ตรองอะไรเลย ผมก็ต้องพยายามปากไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะถูกจะผิดพูดไปก่อน

 

 

เรื่องราวของ “ไรเดอร์”

เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ “ไรเดอร์” กลุ่มหนึ่งที่ต้องออกไปส่งของ แต่ว่าหลายครั้งที่ไปส่งของ มักจะเจอกับเรื่องที่มันไม่ควรจะเจอ พวกเรื่องผี วิญญาณ แล้ววันหนึ่งเพื่อนเราที่ชื่อ “นัท” (มาริโอ้) ก็ดันไปชอบกับ “พาย” (ฟรีน) ที่บังเอิญรู้จักกันจากการไปส่งของนี่แหละ ทั้งคู่กำลังจะเริ่มคบกัน แต่อยู่ๆ พายก็หายไป แล้วนัทก็มาขอความช่วยเหลือให้ “เสือยอด” กับ “น้าไก่” (ดีเจอาร์ต) เพื่อนสนิทที่เป็นไรเดอร์ด้วยกันช่วยกันตามหาพาย พวกเราต้องไปสืบเรื่องราวการหายตัวไปของพาย แล้วก็เข้าไปพัวพันกับเรื่องราวลึกลับ สยอง ขนลุก ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเรากลัวไม่อยากจะเจอ

 

มาเล่นหนังสยองขวัญ แต่จริงๆ เป็นคนกลัวผีไหม

ไม่กลัวครับ สามารถเจอกันแล้วชวนไปกินข้าวด้วยกันได้เลย สนิทกันจนเรียกว่าเป็น Best Friend ได้เลย ผมไปวัดถ้าเจอกันก็สามารถจูงเดินเข้าวัดได้เลย มีครั้งหนึ่งที่เคยพยายามตามหาผีด้วยตัวเอง สมัยตอนเป็นเด็ก ตอนนั้นผมเป็นคนกลัวผีมาก กลัวแบบขี้ขึ้นสมองเลย เหมือนกับ “เสือยอด” นี่แหละครับ อาบน้ำทีต้องให้ยายไปเฝ้าหน้าห้องน้ำแล้วก็เปิดประตูทิ้งไว้ คอยชะโงกหัวมาส่องว่าแกไม่ได้หนีไปไหนใช่ไหม ผมมียายคนหนึ่งครับชื่อว่า “ยายขาว” ตอนที่แกเสียเรารู้สึกว่ายังไม่ได้ลากันเลย อยากจะลาแกสักครั้งหนึ่งแต่มันไม่มีโอกาส จะเคาะโลงบอกก็ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือเปล่า ตอนนั้นอยากเจอแกสักครั้งหนึ่งจะบอกลาแบบจริงจังเลย ผมเลยไปอยู่กับสัปเหร่อที่วัด ไปถามพระว่าจะทำยังไงให้เราได้เห็น ได้เจอกัน แต่ทำแทบทุกอย่างที่พอจะทำได้ก็ไม่เคยเจอ อย่าว่าแต่ยายขาวเลย ผีสักตัวก็ไม่เคยเจอ หลวงพ่อท่านว่าคนมันจะไม่เจอมันก็คือไม่เจอ

เราคิดว่าเราคงไม่มีโอกาสได้เจอเลยไม่ได้กลัวมาตั้งแต่ตอนนั้น แต่เชื่อว่ามีนะครับ เชื่อว่ามีแต่ไม่ได้กลัว ถ้าโผล่มาหลอกคงต้องตั้งหลักก่อนนิดนึง แต่ไม่ตกใจ ผมสามารถเดินจงกรมตอนตี 4 ที่เมรุได้สบายมากครับ แต่ต้องเอาเพื่อนไปอีก 15 คนเพื่อความสนุกครับ

 

ในเรื่องนี้ไปถ่ายทำแต่ละโลเคชันสยองจริงจังกันมาก เล่าให้ฟังหน่อย

ที่สยองๆ จะมีฉากที่ “วัด” เหตุการณ์คือ “เสือยอด” กับ “น้าไก่” ต้องไปเจอกับ “นัท” ที่วัดเพื่อมาทำภารกิจอะไรบางอย่าง แล้วพวกเราต้องไปเดินอยู่ในหมู่เจดีย์เก็บอัฐิคนตายของจริง ไม่มีเซตขึ้นมาครับเรื่องนี้ ตรงนั้นมีเจดีย์เยอะมาก แล้วเราไปกวนการนอนหลับของปู่ย่าตายายที่นั่นช่วง 4 ทุ่มได้ มันก็ทั้งมืด ทั้งเงียบ ทั้งหลอนกันไปหมด แต่สำหรับผมก็คือปกติ จุดสุดท้ายของชีวิตก็ต้องมาอยู่กันตรงนี้ จะรวยจะจนต้องมาถึงจุดนี้ แต่ผมมียกมือไหว้ก่อน แม่ครับ พ่อครับ ขอโทษที่เข้ามาวุ่นวายครับ เผื่อพวกเขายังไม่ไปไหน จะได้รู้สึกดีขึ้นหน่อย เหมือนว่าได้ขออนุญาตใช้พื้นที่เขาก่อน

อีกที่คือที่ “โรงพยาบาลร้าง” เป็นโรงพยาบาลที่ร้างจริงๆ ครับ ฝุ่นเยอะมาก ทุกวันนี้ผมแคะจมูกได้ฝุ่นออกมาสักกระสอบได้ ปลูกกุหลาบได้สบาย ฝุ่นมันเยอะขนาดนั้นเลย แล้วมีเหตุการณ์ที่พวกเราต้องไปบู๊กันในนั้น ยิ่งฝุ่นตลบหนักเลย สโมกเยอะมาก บรรยากาศที่นั่นหลอนมากครับ พวกเราจะทำงานกันเงียบๆ แปลกๆ และมีเรื่องตื่นเต้นที่นี่ครับ ผมไปเข้าห้องน้ำ ผมว่าผมเดินไปไกลจนหลุดออกมาจากคนอื่นแล้ว มันก็เจอห้องน้ำที่มีป้ายห้อยไว้ พอเข้าไปสักพักก็มีกลิ่นตีมาเหมือนศพเน่า ผู้เฒ่าผู้แก่เขาบอกว่าถ้าเกิดได้กลิ่นศพคือห้ามทัก ถ้าทักเราจะเจอ แต่ผมปากไวติดคาแร็กเตอร์เสือยอด พูดเลย ไอ้…ใครมาขี้ทิ้งไว้วะ สักพักขนเริ่มลุกซู่เหมือนมีใครเอาน้ำแข็งมาถูหลัง เราทำใจดีสู้เสือเดินเข้าไปดู พอเปิดห้องน้ำเท่านั้นแหละ ขี้เต็มๆ ช่างไฟขี้ไม่กดครับ ช่างไฟที่เดินสวนผมออกไปตอนแรกนั่นแหละ ลืมกดชักโครก

 

 

เอาแบบสยองจริงจังคือโลเคชันไหนบ้าง

ที่หนึ่งในใจที่รู้สึกว่าน่ากลัวที่สุดที่เราเคยถ่ายมา ผมว่าบ้านผัวเมียบ้านร้างสุดสะพรึง ชื่อโลเคชันที่ลงไว้คือ “บ้านร้างสุดสะพรึง” ในเรื่องคือบ้านของผัวเมียคู่หนึ่งที่ยิงกันตายในนั้น บ้างร้างของจริง รกร้าง น่ากลัวสุดแล้วสำหรับผม ด้วยโครงสร้างเป็นบ้านหลังใหญ่ราคาแพง มีเฟอร์นิเจอร์พังๆ เก่าๆ ยังอยู่ มีข้าวของเครื่องใช้ในบ้านครบครัน แต่มันร้างไร้ผู้คน ต้นไม้ขึ้นรก บรรยากาศมันน่ากลัวเลยครับ

 

ประทับใจอะไรเป็นพิเศษในการถ่ายทำเรื่องนี้

ประทับใจบรรยากาศในการทำงานครับ ผมเป็นคนชอบกองถ่ายที่บรรยากาศมันดี ผู้คนสนุกสนาน เพราะผมเชื่อว่าถ้าเราสนุกคนดูก็สนุก แล้วถ้าบรรยากาศกองถ่ายมันสนุก แน่นอนว่างานที่ออกมามันต้องสนุกแน่นอน พี่ๆ ทีมงานน่ารักกันหมด นักแสดงเล่นกันหยอดมุกกันสนุกสนาน

 

ปราบเซียนสุดในการถ่ายทำคืออะไร

“เสื้อคลุมไรเดอร์” เลยครับ ขนาดนั่งในห้องแอร์ไข่ยังเปียก แล้วตอนถ่ายมันร้อนจริงครับ เป็นเสื้อไรเดอร์ที่ลมมันจะเข้าไม่ได้เลย มันทำให้เราร้อนตลอดเวลา แล้วแต่ละโลเคชัน โอ้โห…ไม่ต้องสืบครับ ไม่มีแม้กระทั่งลม อย่าว่าแต่แอร์ ลมยังไม่มี แล้วเราต้องถ่ายกันที่ร้างๆ เก่าๆ ที่สุดเลยครับ อย่างที่ผมบอก ผมแคะจมูกตัวเองตอนนี้อยู่บ้าน 2 กระสอบ ปลูกกุหลาบได้เลย ทั้งร้อนทั้งฝุ่น

 

 

ทำงานร่วมกับ “กังฟู” ผู้กำกับเป็นยังไงบ้าง

“พี่กังฟู” เป็นคนสนุกมากครับ ให้อิสระกับนักแสดงมากในการให้ลองเล่นดู แกจะมีภาพที่อยากได้อยู่นะ แต่แกอยากให้เราลองเล่นดูก่อน ถ้าแบบไม่ได้จริงๆ ก็จะบอกว่าเอาประมาณไหน การทำงานรวมๆ คือผ่อนคลาย ทำงานสนุกครับ

 

ทำงานร่วมกับนักแสดงทีมนี้เป็นยังไงบ้าง

พูดได้แค่ไหนครับ ผมต้องพูดว่าเขาเป็นคนดีใช่ไหมครับ (หัวเราะ) บันเทิงครับ “พี่โอ้” เป็นผู้ชายแนวเดียวกันอยู่แล้ว แทบไม่ต้องโฟกัสกับหนังเท่าไหร่ เน้นไปโฟกัสที่จะได้เจอกันในกองถ่ายแล้วนั่งคุยกันมากกว่า คุยกันทุกเรื่องทุกเวลา ไม่ต้องทำอะไรคุยอย่างเดียวทั้งวันยังได้ เวลาพี่โอ้ทำงานแกจะมีลูกหลุดที่เราไม่คิดว่าแกจะเล่น แล้วแกเล่นออกมาดูน่ารัก ดูตลก เรียกว่าตลกหน้าตายดีกว่า พี่ๆ คือสนุกทุกคน และเป็นคนดีครับ

“พี่อาร์ต” ก็น่ารัก จะคอยฟังว่าเราจะเล่นมุกอะไร แกจะเล่นสวนกลับมา สนุกสนาน  แกเหนื่อย แกร้อนนะ แต่สปิริตแกดี คนนี้มุกหน้าตายไม่แพ้โอ้เหมือนกันครับ

ส่วน “น้องฟรีน” เป็นเด็กน่ารักครับ ชอบมีมุกหลุดมาตลอด เวลาคุยด้วยก็จะสนุกสนานดี เป็นเพราะเรามันสายติดตลกด้วยครับ ผมก็กลายเป็นพี่ชายที่น่ารัก แต่ซ่อนคมเขี้ยวเอาไว้ เวลาจะไปไหนมืดๆ น้องจะบอกหนูกลัว หนูไปด้วย จะเกาะตามหลังกันไป ผมก็จะทำสถานการณ์ที่น่ากลัวเป็นเรื่องตลกแทน

 

เห็นมีพกกีตาร์ไปกองถ่ายทุกวันเลย

ก็เอาไปเล่นระหว่างพักกัน แรกๆ เขาสนุกกันครับ สองคิวแรกปรบมือกันสนุกสนาน หลังๆ เขารำคาญ สายหายไปไหนไม่รู้ครับ เหมือนมีคนมาแกะสายออก

 

 

เคยคิดไหมว่าถ้าตัวเองเป็น “ไรเดอร์” จริงๆ จะเป็นแบบไหน

ผมว่าผมคงส่งอะไรไม่สำเร็จสักอย่างแน่ คงจะเหมือน “เสือยอด” ส่งอะไรก็ไปลำบากเพื่อน แต่อย่างแรกที่ผมจะทำถ้าเป็น “ไรเดอร์” ก็คือผมจะเอามอเตอร์ไซค์ไปขายก่อนเลย แล้วเอาเงินมาเปิดร้านขายของ พอได้เงินมาแล้วค่อยเอาเงินไปซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่ครับ

 

ทุกวันนี้ใช้บริการ “ไรเดอร์” มากน้อยแค่ไหน

ผมว่าทุกวันนี้ “ไรเดอร์” สำคัญมากครับ แทบจะเป็นอาชีพพื้นฐาน หลังๆ ผมใช้บริการตลอดเวลาในทุกวันนี้ถ้าตัดคำว่าไรเดอร์ออกไป เขาก็คือคนที่สารพัดรับจ้าง เขาส่งทุกอย่าง ไปไหนมาไหน ต่อคิว ทำธุระแทนเราได้แทบทุกเรื่อง คนรวยมากก็ใช้บริการเขา คนธรรมดาก็ใช้บริการเขา ทุกวันนี้ไรเดอร์สำคัญมากในสังคมเรา อย่างผมทำงานอยู่ แต่หิวข้าว ฝนตก ถ้าไม่มีเขาเราก็หิวแย่เลย แต่ก็เห็นใจครับที่เขาต้องใส่เสื้อกันฝนวิ่งมาส่งข้าวให้เรา แต่ก็คืออาชีพเขา ตอนนี้ไรเดอร์ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้วครับที่ผมต้องใช้บริการ

 

ฝากผลงานเรื่อง “ไรเดอร์” หน่อยเด้อ

ก่อนอื่นก็ต้องกล่าวอาราธนาศีลครับ ผมขอคุณพระศรีรัตนตรัยเจ้าป่าเจ้าเขาที่ปกปักรักษาที่แห่งนี้ ขอให้ทุกท่านเดินทางแคล้วคลาดปลอดภัยไร้ภยันอันตรายใดๆ เข้ามาย่างกรายนะครับ ขอให้ตื่นมาทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีเงินมีสตางค์เต็มถุง ขอให้แฟนคลับทุกท่านหรือว่าทุกคนพี่น้อง “ไรเดอร์” วันนั้นหยุดส่งของนะครับผม แล้วก็ไปส่งความรู้สึกร่วมชมภาพยนตร์กันในโรง ฉายแล้ววันนี้ เจอกันครับ สาธุ…

 

ไรเดอร์ (Rider)

ไรเดอร์ (Rider)

รันทุกวงการ ส่งทุกไอเทม จัดเต็มทุกออเดอร์ จะจ็อบคน หรือจ็อบผี เดลิเวอรีพร้อมบริการ “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” ส่งตรงภาพยนตร์สยองฮาเรื่อง “ไรเดอร์”...

รายละเอียดภาพยนตร์

Featured News