“ฮันแจริม” ผู้กำกับมากฝีมือที่มีวิสัยทัศน์ยอดเยี่ยม เขาเคยฝากผลงานสร้างชื่อมาแล้วทั้งใน “The Face Reader” (2013) และ “The King” (2017) ชื่อของเขามักถูกพูดถึงในแง่ของการสร้างผลงานที่มีการผสมผสานความซับซ้อนและปรัชญาอันล้ำลึกเข้าไปในหนังได้เป็นอย่างดี รวมถึงเป็นผู้กำกับที่สามารถหยิบเอาสถานการณ์ที่แปลกประหลาดมาถ่ายทอดในโลกของภาพยนตร์ให้สมจริงได้อย่างไม่น่าเชื่อ แน่นอน รวมถึงผลงานกำกับเรื่องล่าสุดของเขาอย่าง “Emergency Declaration ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ” ภาพยนตร์แอ็กชันระทึกขวัญฟอร์มยักษ์ที่ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์หนังหายนะบนเครื่องบินเรื่องแรกของเกาหลีที่ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงที่เกิดวิกฤตร้ายแรงขึ้นไปทั่วโลก พร้อมยกทัพนักแสดงคุณภาพแนวหน้าของเกาหลีทั้ง “ซงคังโฮ” (Parasite, Broker), “อีบยองฮอน” (G.I. Joe 1-2, Squid Game), “จอนโดยอน” (The Housemaid, A Man and a Woman), “คิมนัมกิล” (Pandora), “อิมชีวาน” (Strangers from Hell), “คิมโซจิน” (Escape from Mogadishu) และ “พัคแฮจุน” (The World of the Married) มาประชันบทบาทกันสุดเข้มข้น ก็ยิ่งทำให้ “Emergency Declaration” เป็นภาพยนตร์ระดับเฟิร์สคลาสที่ทันสมัยและทันเหตุการณ์ที่ผู้ชมต่างรอคอยมากที่สุดเรื่องหนึ่งของปีนี้
ทำไมคุณถึงหยิบเอาประเด็นมหันตภัยบนเครื่องบินมาทำเป็นภาพยนตร์
ผมได้ข้อเสนอให้ทำหนังเรื่องนี้เมื่อ 10 ปีก่อน จึงเริ่มวางโครงเรื่องและแผนคร่าวๆ แต่ไม่รู้จะทำออกมาเป็นภาพได้ยังไงในตอนนั้น ผมศึกษาและดูหนังเกาหลีที่ว่าด้วยมหันตภัยต่างๆ แทบทุกเรื่อง จนกระทั่งได้ไอเดียว่าจะสานต่อโปรเจกต์นี้อย่างไรให้มันโดดเด่นออกมา ซึ่งส่วนใหญ่ผมมักจะทำหนังโดยให้ความสำคัญกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องพอๆ กับตัวละคร การทำตัวละครให้ผู้ชมอินไปด้วยบางทีมันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่ผู้ชมคนนั้นๆ พบมา แต่ถ้าหนังมีสถานการณ์ที่น่าสนใจมันก็จะทำให้ทุกคนสนุกไปพร้อมกันได้ ซึ่งเหตุการณ์ใน “Emergency Declaration” ผมคิดว่าหนังสามารถมอบความระทึกให้กับคนทุกเพศวัย
คุณเคยเจอเรื่องอกสั่นขวัญแขวนบนเครื่องบินบ้างไหม
ผมว่าในเครื่องบินมันก็เหมือนสังคมของเราแบบย่อส่วนนะ เราติดอยู่ด้วยกันในที่แคบๆ แต่กลับรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว ผมว่านั่นช่วยเพิ่มความตระหนกในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบในเรื่องเข้าไปอีกระดับ การที่ปกติผมเป็นคนกลัวการบินอยู่แล้วมันช่วยให้ผมเขียนบทเรื่องนี้ออกมาให้ระทึกขวัญกว่าเดิม
คุณใช้เวลาเตรียมถ่ายทำนานมาก ทำไมคุณถึงทุ่มเวลาให้มันขนาดนั้น
เราใส่ใจทุกรายละเอียดในช่วงระยะเวลา 3-4 เดือนที่เราพัฒนา เมื่อมันเสร็จเราเหมือนทำงานเสร็จกันไปแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะเรายึดมันเป็นคัมภีร์ในการถ่ายทำ 100% ในนั้นมีระบุไว้หมดว่าจะถ่ายมุมไหม, ตัดต่อยังไง, อารมณ์ในซีน, เสื้อผ้า, อุปกรณ์ประกอบฉาก
ระหว่างการเตรียมงานหายนะทางการบินเรื่องนี้ คุณได้ขอคำแนะนำจากมืออาชีพเช่นนักบินตัวจริงบ้างไหม
แน่นอนครับ เพราะเราตั้งใจทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาสมจริงที่สุด เราได้คำแนะนำจากผู้สันทัดด้านนี้หลายคน เราได้นักบินและลูกเรือมาเป็นที่ปรึกษาให้เราตั้งแต่เริ่มเขียนบท และยังมีทีมตำรวจมาให้คำปรึกษาด้านการก่อการร้ายบนเครื่องบิน อีกทั้งยังกองทัพอากาศและเจ้าหน้าที่รัฐ เราพยายามใช้คำแนะนำที่พวกเขามอบให้สร้างความสมจริงให้หนังมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ผมอยากให้ผู้ชมได้มีประสบการณ์เหมือนอยู่บนเครื่องบินลำนั้นด้วยตัวเอง ดังนั้นความสมจริงจึงเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งการใช้เครื่องบินจริงๆ ทำฉาก, งานแสง, งานกล้องทุกอย่าง
ในเรื่องนี้คุณทำแทบทุกตำแหน่งทั้งกำกับ, เขียนบท, โปรดิวเซอร์ และอำนวยการสร้าง การทำเองทั้งหมดนี้มันมอบอิสระในการทำงานให้คุณมากกว่าเดิมไหม
ทั้งหน้าที่ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์มันหนักพอกันแต่คนละแบบ ยิ่งกับการทำหนังแอ็กชันหายนะที่ไม่ทิ้งความคิดสร้างสรรค์แบบเรื่องนี้ ส่วนเรื่องอิสระในการทำงานหรือการเลือกนักแสดง สำหรับผมเคยทำงานกับ “ซงคังโฮ” มาก่อน ผมรู้จักเขาโดยส่วนตัว มันเลยง่ายที่จะชวนเขามาเล่น ส่วน “อีบยองฮอน” ผมอยากทำงานกับเขามานานแล้ว ตอนเขียนบทผมมีภาพเขาในหัว ผมดีใจมากที่เขาตอบตกลงรับบทนี้
ฉากเครื่องบินคืออีกหนึ่งซีนไฮไลต์ของภาพยนตร์ ได้ยินว่าคุณสั่งมันมาจากต่างประเทศ
เราต้องใช้เครื่องบินโดยสารที่สามารถเดินทางจาก “โซล” ไป “ฮาวาย” ได้จริง แอร์บัสควบคุมโดยใช้แค่คันบังคับ มันคงดูไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่ เราเลยหันไปใช้โบอิง 777 แทน เราซื้อเครื่องจากลาสเวกัสก่อนที่มันจะถูกแยกส่วนและส่งขึ้นเครื่องมาให้เรา งานตกแต่งภายในทั้งเบาะและพื้นถูกปรับให้เข้ากับคอนเซปต์ เดิมทีมันเป็นสีฟ้าแต่เราอยากให้มันดูอบอุ่น ผู้ชมจะได้รู้สึกเหมือนเป็นหนึ่งในผู้โดยสาร เราติดตั้งเครื่องบินทั้งลำบนหัวกิมบอล ขนาดฮอลลีวูดยังไม่ค่อยทำกันเลย ในฉากที่เครื่องบินเสียการควบคุม กล้องเราหมุนรอบเครื่อง 360 องศาเป็นร้อยรอบ ทีมเทคนิคพิเศษและสตันต์แมนแนวหน้าของวงการภาพยนตร์เกาหลีช่วยกันเพื่อให้นักแสดงและทีมงานกว่า 70 ชีวิตถ่ายทำกันอย่างปลอดภัย
ถ่ายทำด้วยเทคนิคแฮนด์เฮลด์ 100% นานแล้วที่คุณไม่ได้ใช้เทคนิคนี้ตั้งแต่ผลงานเรื่องแรกๆ ของคุณอย่าง “Rules of Dating” (2005) และ “The Show Must Go On” (2007)
สองผู้กำกับภาพ “อีโมแก” และ “พัคจงชอล” ติดสลิงนิรภัยกับตัวเครื่องขณะที่เดินถือกล้องเก็บสีหน้าของผู้โดยสารขณะที่เครื่องเสียการควบคุม เทคนิคนี้มันทำร้ายตากล้องพอสมควร มันกินพลังอย่างมาก ผมรู้สึกผิดทุกครั้งตอนที่ผมบอกว่าเอาอีกเทก แต่มันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ผู้ชมสัมผัสประสบการณ์เดียวกับตัวละครตั้งแต่ต้นจบจบ เราพยายามทำให้งานของตากล้องง่ายขึ้นโดยขอให้นักแสดงยึดบทเป็นหลัก ไม่ต้องอิมโพรไวส์ จะได้ถ่ายตรงตามคิวกับที่ซ้อมไว้
พูดถึงบทบาทของ “ซงคังโฮ” จากที่เคยแสดงใน “Memories of Murder” (2003) ต่างกันยังไงบ้าง
บทบาทมีความแตกต่างกันในเรื่องนี้เขาไม่ต้องไปไล่สืบถามแบบปากต่อปากเอง เขายศใหญ่เกินกว่าที่จะไปทำแบบนั้นแล้ว (หัวเราะ) ผมบอก “ซงคังโฮ” ว่าตัวละครของเขาในเรื่องนี้ต้องใส่แว่นสายตายาวเวลาอ่านหนังสือพิมพ์ เขาหัวโบราณ พูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้ ใช้มือถือยังไม่เป็นเลย แต่ตัวละครนี้มีความคลาสสิก ตอนที่ผมเขียนซีนในเรื่องที่มีตัวละครนี้ผมชอบเปิดเพลง “Love Me Tender” โดย “เอลวิส เพรสลีย์” ไปด้วย
พูดถึงการร่วมงานกับนักแสดงในเรื่อง
นักแสดงในหนังเรื่องนี้ถือเป็นระดับไอคอน พวกเขาไม่ได้ดังแค่ในประเทศแต่ยังดังระดับโลก ผู้กำกับคนไหนก็อยากทำงานกับพวกเขา ผมแทบไม่เชื่อเลยว่าเราได้ทีมนักแสดงคุณภาพระดับนี้ ตอนทำงานผมยังคิดว่าผมกำลังฝันไป เหมือนกำลังทำหนัง 7 เรื่องไปพร้อมกัน แต่ผมรู้สึกเป็นเกียรติและสนุกมาก
ประเด็นที่คุณนำเสนอและอยากให้ทุกคนได้รับ
ผมต้องการเน้นประเด็นว่าคนเราเอาชนะความกลัวในสถานการณ์บีบคั้นถึงชีวิตอย่างไร ธรรมชาติของมนุษย์พร้อมทำทุกอย่างเพื่อเอาชีวิตรอด ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา หวังว่าผู้ชมจะได้แง่คิดตรงนี้กลับไปนอกเหนือจากความบันเทิงครับ
ร่วมไต่ระดับความระทึกไปกับเที่ยวบิน KI501 จาก “กรุงโซล” มุ่งหน้าสู่ “ฮาวาย” เมื่อมีผู้โดยสารเสียชีวิตปริศนาบนเครื่องอย่างไม่คาดฝัน สร้างความกลัวและโกลาหลไปทั้งลำ ทุกชีวิตบนเครื่องไร้ทางหนีและต้องเผชิญความคลุ้มคลั่งขีดสุด กัปตันจึงตัดสินใจประกาศเหตุฉุกเฉินและขอลงจอดทันที หายนะครั้งนี้ได้สร้างความตื่นตระหนกไปทั้งคาบสมุทรเกาหลี และอาจลุกลามกลายเป็นวิกฤตล้างโลก เมื่อเครื่องบินลำนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจอดที่ใดทั้งสิ้น!
“Emergency Declaration ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ” 4 สิงหาคมนี้ เทกออฟพร้อมกันในโรงภาพยนตร์
ตัวอย่างซับไทย: https://youtu.be/1u6SXZ5mebE
ตัวอย่างพากย์ไทย: https://youtu.be/YcTE1NW7LQk
เช็กอินคลิปพิเศษ เบื้องหลังไฟลต์นรก: https://youtu.be/bUhpDfQN1kU
ทะยาน 5 ความยิ่งใหญ่ ก่อนเหินฟ้าสู่ไฟลต์คลั่ง: https://youtu.be/9Kt4EWdOvi0
เปิดเบื้องหลังนักแสดงระดับบิ๊ก: https://youtu.be/NGvqZoV8rOg
เบื้องหลังสุด Exclusive เปิดน่านฟ้าฝ่างานสร้างสุดคลั่ง: https://youtu.be/tWlH3_3hKWA