หมอลำมาเนีย เขย่าลูกคอรอให้เธอมารัก (Mo Lum Mania)
เรื่องย่อ
“ฟินวิ่ว สตูดิโอ” ภูมิใจเสนอ “หมอลำมาเนีย เขย่าลูกคอรอให้เธอมารัก” หนังฮักสไตล์อีสานขนานแท้ที่จะทำให้คุณม่วนคักๆไปกับเรื่องราวของ “อาจ” (ก้องศิลป์ ฟ้าล่วงบน วงกู่แคน ไทบ้านผู้สร้างงานศิลป์) ชายหนุ่มผู้คลั่งไคล้หมอลำขนาดหนักประมาณว่าฝังลึกซอดดีเอ็นเอทะลุทะลวงเซลล์เม็ดเลือดแดงมาออกโตขึ้นจอ ขยับลูกคอเอื้อนลำกลอนทำนองแปลกใหม่ให้ไทบ้านได้งึด กับความฝันสิสร้างสุดยอดวงหมอลำระดับจักรวาล พร้อม 2 หนุ่มหมู่ฮักแต่เด็กน้อย “สเตอ” (ทัศนัย สมบัติธีระ) เด็กจบนอกมือกีตาร์จิตใจบอบบาง และ “สิน” (ทวิทย์ สิทธิ์ทองสี) หมอแคนนักพัฒนา จับมือร่วมกันประสานท่วงทำนองหมอลำให้โลกเขย่าไปตามจังหวะแสนม่วนซื่น
แต่ความฝันมันช่างยิ่งใหญ่โพดโพบักโมบักแตง เอาแค่เป้าหมายแรกที่สิขึ้นเล่นอวดฝีมือบนเวทีงานบุญใหญ่ประจำปีของหมู่บ้านล้านกะโป้ก็ยากแท้แล้วน้อพี่น้องเอ้ยยยย ไสสิพบพ้อขวากหนามมากหลาย ทั้งควมฮักของสเตอและครูจัน ความต้องการที่สิยกระดับหมู่บ้านของจารย์สิน และการร้องหมอลำของอาจกะไปขัดใจพ่ออีก
เตรียมตัวม่วนกันคักคักกับหนังฮักสไตล์ไทบ้านอีสานแท้ จกน้ำมาล้างหูเปิดใจมาสูดกลิ่นความฮักแล้วมาฟ้อนกัน 24 มกราคม 62 ในโรงภาพยนตร์ สัมผัสบทเพลงแสนม่วนใหเต็มอิ่มแล้วมาเต้ยกันคักคักกับเพลงหมอลำเด้อคับเด้อ…
Director’s Note “นันทวุธ ภูผาสุข”
ฟินวิ่ว สตูดิโอคือ…
สมัยเด็กๆ ด้วยความบ้านนอกเคยจำได้ว่าพ่อพาเดินเอาเราขี่คอไปดูหนังกลางแปลงไกลกว่าสี่ห้าโล ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจของเราทำให้หลงใหลมาก จากนั้นเราก็ดูหนังมาตลอด แต่ส่วนมากก็จะหอบเสื่อหอบสาดเดินไปดูหนังกลางแปลงอีกหมู่บ้าน พอโตมาได้เรียนที่ มข. ตอนแรกเราก็หาว่าอยากทำหนังหรืออยากเล่าเรื่องต้องทำไง ก็มาเจอสาขาออกแบบนิเทศน์ศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ แต่เขาให้เรียนรวมก็เรียนพวกกราฟิกพวกถ่ายภาพอะไรด้วย แต่ด้วยความที่บ้านนอกเราก็จะเข้ากับเพื่อนไม่ค่อยได้ เพราะตอนมัธยมจะเว่าอีสานกับเพื่อน พอเรามาเจอเด็กในเมืองพูดกลางกันก็จะเกร็งๆ เหมือนคนละโลกกันเลย พอขึ้นปีสองเราสนิทกับเพื่อนมากขึ้น เริ่มมีรุ่นน้อง มีคนรู้จักเยอะก็เลยชวนเค้ามาทำหนัง ตั้งเป็นสตูดิโอเดาๆ ทำเล่นๆ ในชื่อ “ฟินวิ่ว สตูดิโอ” ซึ่งชื่อก็ไม่ได้มีความหมายอะไร เพียงแค่คิดชื่อนี้ออกตอนขับมอเตอร์ไซค์ ไปคณะแล้วเราได้ยินเสียงลมตีหูดัง วิ่วววววววว โคตรจะมึน
ปีสองเราก็ไปรู้จักพี่คนนึงแกทำทีสีส ทำหนัง เราหน้ามึนเราก็ไปช่วยทำบท ไปช่วยออกกอง และด้วยความที่พี่เค้าทำหนังอีสาน เราหน้าตาผ่าน เราเลยได้แสดงหนังกับพี่เขา ระหว่างทำงานกับพี่เค้าเราก็มีความสุข เพราะเรื่องที่พี่เค้าทำออกแนวบ้าบอบรรยากาศในกองถ่ายมันสนุกมีความสุข เราก็หลงใหลการออกกองกับพี่ๆ น้องๆ และอยากทำหนังตัวเองบ้าง
แล้วก็ตัดสินใจทำหนังสั้นเอง แรกๆ ก็ทำเดาๆ งงๆ ถ่ายเองตัดเอง เอามาเปิดให้เพื่อนดู เขาก็ตลก เออ เราก็รู้สึกดีมากที่มีคนดูหนังเรา ฟินวิ่ว สตูดิโอก็ผลิตหนังมาเรื่อยๆ จนเรียนจบ จากนั้นด้วยความจนเราก็ไปทำงานกรุงเทพฯ ก็อวสานฟินวิ่ว สตูดิโอที่ขอนแก่นไปประมาณปีนึง
แล้วเราก็หาโอกาสทำหนังสั้นประกวดเพื่ออยากได้เงินรางวัล ก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนมากน้องๆ เพื่อนๆ ก็มาช่วย เราก็ยังมีความสุขกับการทำหนังมาจนทุกวันนี้
ซึ่งความฝันของเรามันก็ผ่านตาหลายคน หนึ่งในนั้นก็ “พี่ปรัชญา ปิ่นแก้ว”
หมอลำมาเนีย
เราอยากเล่าเรื่องราวที่สืบเนื่องมาจากงานวิจัย ป.โท ของเรา เรื่องของหมอลำที่พัฒนาการไปไม่หยุดนิ่ง และท่วงทำนองหมอลำมันเหมือนจะฝังอยู่ในจิตวิญญาณของคนอีสาน หรือแม้แต่พี่น้องฝั่งลาวที่มีหมอลำหลายท่วงทำนอง รากเหง้าด้านเชื้อสายเราก็เหมือนกันเป็นชาวล้านช้างที่ถูกเชื่อมกันด้วยดนตรี นั่นคือ “หมอลำ”
แต่ด้วยความที่หนังมันก็มีเรื่องมีจังหวะมีภาษาของมัน จะให้เล่าแบบตัวละครมายัดเยียดที่ไปที่มาแบบวิชาการก็จะน่าเบื่อไป เราก็เลยทำเป็นบทหนังที่คิดว่ามีความคอเมดี้มาเคลือบไอ้พวกฐานความรู้ที่เราวิจัยมาไว้อีกที เรื่องราวที่เล่าก็จะเป็นในอีสาน ความทรงจำเก่าๆ ที่เรามีสมัยเด็กๆ เราก็เอามาใช้ในหนัง เป็นภาพสะท้อนการโหยหาอดีตของเราเอง แต่เราก็ไม่ได้เทิดทูนความอีสานจ๋าขนาดนั้น เพราะในความคิดของเราวัฒนธรรมที่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนมันก็คือ วัฒนธรรมที่ตายแล้ว เพราะฉะนั้นภาษาหนังของเราก็จะเป็นอีกแบบ มีความเอดการ์ ไรต์ มีความโจวชิงฉือ มีจังหวะที่หนังอีสานไม่ค่อยทำกัน การเปลี่ยนคัตเปลี่ยนซีน เราก็ออกแบบให้มันเชื่อมกัน
ในส่วนของดนตรีเราก็ได้น้องๆ “วงกู่แคน” มาทำให้และแสดงนำให้เพราะเราเคยไปช่วยเขา ถ่ายเอ็มวีทำคอนเสิร์ตช่วย คนอื่นๆ ก็เป็นคนรู้จักที่เราสนิทเกือบทั้งหมด บทหนังเราก็เขียนกับ ทีมงานให้เขามาช่วยติบทเรา ปรับบท ปรับไปจนถ่ายทำ ถ่ายทำไปเราก็ปรับให้ทำงานง่ายตามสถานการณ์ เพราะทีมงานเราน้อยๆ หลักๆ โดยไม่รวมนักแสดงก็ห้าคน พักหลังตากล้องติดงาน เราก็ถ่ายเองกำกับไปด้วย หนังเรื่องนี้เป็นหนังยาวเรื่องแรก ข้อผิดพลาดเราก็เยอะ เพราะบางอย่างเราก็ต้องยอมรับว่าเราวางแผนไม่ดีตั้งแต่แรกเอง แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่พยายามควบคุมให้ได้คือ “ความสุข – ความสนุก” ที่เราอยากบอกคนดู ซึ่งคงแบ่งเป็นสองกลุ่มแน่ๆ คือคนอีสานและคนต่างจังหวัด (ที่ไม่ใช่อีสาน รวมถึงกรุงเทพฯ ด้วย) แต่ถามว่านอกจากคนอีสานแล้วเค้าจะดูรู้เรื่องมั้ย เราก็ตอบได้เต็มปากเลยว่า จะสนุกไปกับหนังได้แน่นอน เพราะหนังมันมีภาษาสากลบางอย่างที่เข้าใจกันทั้งโลก เราเลยอยากให้ทุกคนได้ดู เพราะอย่างน้อยๆ คือสิ่งที่เราทำ สำหรับเรามันยิ่งใหญ่มาก การได้ฉายหนังในโรงหรือการได้รับโอกาสดีๆ แบบนี้อาจจะมีครั้งเดียวในชีวิตของเรา อยากให้เข้าไปติไปด่าก็ได้
เนื้อเรื่องของ “หมอลำมาเนีย” เล่าถึงความฝันของเด็กๆ สามคนซึ่งมีความฝันเดียวกัน นั่นคือการก่อตั้งวงดนตรีหมอลำที่คนทั้งโลกเข้าถึง ความฝันมันยิ่งใหญ่ไกลเกินตัว แต่มันคือเป้าหมายที่คนเราต้องมี พวกเขาสามคนก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งก็ตัดสินใจทำวงกัน แล้วในหมู่บ้านก็มีจัดออดิชั่นวงดนตรีกัน พวกสามคนก็เลยไปตามหาไปรวบรวมสมาชิกมาสร้างวงด้วยกัน ในส่วนของคอเมดี้ก็จะประมาณนี้ แต่ในส่วนของดราม่าตัวละครแต่ละคนก็จะมีภาระมีก้อนปัญหาของตัวเอง บรรยากาศในหนังก็จะประมาณนี้ การตามลุ้นเรื่องราวของตัวละคร ฉากหลังที่เป็นอีสาน บวกกับบทเพลงที่ทำขึ้นมาก็จะถูกเล่าควบคู่กันไป
ความฝันของทีมงานเองก็ไม่ต่างจากตัวละครในหนังมันยิ่งใหญ่เกินตัวมากๆ จะสำเร็จไม่สำเร็จคงอยู่ที่ตัวผู้ชมว่าจะตอบรับทีมทำหนังเล็กๆ จากบ้านนอกย่างเรา “ฟินวิ่ว สตูดิโอ” ยังไง
“นันทวุธ ภูผาสุข” (หิน ฟินวิ่ว)
Mo Lum Mania ก้องศิลป์ ฟ้าล่วงบน กู่แคน จิรายุ สูตรไชย ดอกเหมย เพ็ญนภา ทวิทย์ สิทธิ์ทองสี ทัศนัย สมบัติธีระ นันทวุธ ภูผาสุข บุญใจ ฟินวิ่ว สตูดิโอ หมอลำมาเนีย เขย่าลูกคอรอให้เธอมารัก