นาคปรก (Nak Prok: In the Shadow of Naga)

วันเข้าฉาย: 18/03/2010 ดราม่า, แอ็กชัน 01 ชั่วโมง 32 นาที

เรื่องย่อ

เราเชื่อว่า…

ศาสนาไม่เคยเสื่อม แต่คนต่างหากที่เสื่อม

เมื่อศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี และไม่มีความเลวใดที่จะทำลายได้

หยั่งลึกถึงแก่นแท้ของความดีที่รอการเข้าถึง สุดขั้วของความชั่วที่แฝงเร้นในสังคม

ยังไม่เคยมีหนังไทยเรื่องไหนที่ฉีกทุกความกล้า ท้าทุกความแรงเท่านี้มาก่อน

“นาคปรก”

ว่าแต่คุณกล้าไหมที่จะพิสูจน์

18 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

ภาพยนตร์แอคชั่นดราม่าสุดเข้มข้นว่าด้วยเรื่องราวของสามโจร “สิงห์” (เร แม็คโดแนลด์), “ป่าน” (สมชาย เข็มกลัด), “ปอ” (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) ที่รวมหัวกันวางแผนปล้นรถขนเงิน แต่เคราะห์กรรมทำให้ถูกไล่จับ เมื่อจนมุมจึงตัดสินใจนำเงินที่ปล้นมาได้แอบซ่อนไว้ในวัด แต่เมื่อย้อนกลับมาขุดหาเงินจึงรู้ว่าที่ซ่อนเงินถูกโบสถ์ใหม่สร้างทับไปแล้ว

 

ทางเดียวที่จะทำให้ได้เงินคืนมาคือการปลอมเป็นพระภิกษุในวัดนั้น!

 

สิงห์จึงทำการปล้นผ้าเหลืองด้วยการบังคับให้ “หลวงตาชื่น” (สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์) บวชให้ตนและป่าน เพื่อกลายสภาพเป็นพระธุดงค์ปลอมเข้ามาอยู่ในวัด มีเพียงปอเท่านั้นที่ยืนกรานที่จะไม่บวชเพราะเชื่อว่านี่คือสิ่งผิด จึงตัดสินใจเป็นแค่เด็กวัดเพื่อคอยติดตามพระปลอมทั้งสองเท่านั้น

 

ถึงแม้ว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของแต่ละคนจะมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน ป่านและปอสองพี่น้องตัดสินใจลงมือทำเพื่อต้องการนำเงินที่ได้ไปรักษาตาที่มืดบอดของ “แม่” (รัชนู บุญชูดวง) ส่วนสิงห์ทำลงไปด้วยความชั่วที่ฝังลึกอยู่ในสันดาน

 

แต่ใช่ว่าพฤติกรรมที่แฝงเร้นเข้ามาในวัดของทั้งสามจะรอดพ้นไปจากสายตาแห่งความเคลือบแคลงสงสัยของเหล่าพระและเด็กในวัดไม่ ในขณะเดียวกันผ้าเหลืองที่สองโจรห่มอยู่คล้ายดั่งเครื่องห้ามความชั่วที่อยู่ในตัวของเหล่ามารศาสนาลงไปได้บ้าง ส่วนปอเองกลับค่อยๆ เรียนรู้และซึมซับเอาหลักธรรมคำสอนแห่งความดีที่ได้จากหลวงตาชื่นทีละน้อย

 

จนกระทั่งเมื่อความจริงปรากฏ “กิเลส ความเลว ความโลภ” ที่ครอบงำถึงส่วนลึกในจิตใจได้ถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง

 

“ปาฏิหาริย์แห่งศรัทธา” จะเกิดขึ้นในห้วงสำนึกสุดท้ายของคนได้หรือไม่ 

 

“ศาสนา” จะสามารถขัดเกลาให้ “คนเลว” กลับกลายเป็น “คนดี” ได้จริงหรือ

 

เตรียมพบกับบทสรุปของเหตุการณ์พลิกผันที่หลายคนคาดไม่ถึง สู่แก่นแท้ของ “ความดี” และ “ความเลว” ที่สุดขั้วในใจคน

 

Nak-Prok-Poster02

 

3 ปีแห่งการเดินทางของ นาคปรก” ก่อนกลายมาเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของวงการภาพยนตร์ไทย

 

เป็นเวลากว่า 3 ปีที่ นาคปรก” ได้ผ่านการเดินทางอันยาวนานนับตั้งแต่วันที่หนังเริ่มถ่ายทำจนถึง ณ วันนี้ที่หนังกำลังจะได้ลงโรงฉายให้ได้พิสูจน์ความ แรงจริง” และ ดีจริง” ซึ่งถือเป็นการจารึกตัวเองในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์หนังไทยทั้งเรื่องของการผ่านด่านกองเซนเซอร์ ทั้งการทำประชาพิจารณ์ทั่วประเทศ หรือการอดทนรอกฎหมาย พ.ร.บ.การจัดเรท ซึ่งคงไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนในบ้านเราที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการเพื่อพิสูจน์เจตนาอันดีงามรวมไปถึงความสนุกเข้มข้นเพื่อคอหนังอย่างครบถ้วนอย่างยาวนานขนาดนี้ แต่ด้วยภาพและหน้าหนังที่ค่อนข้างที่จะดูหมิ่นเหม่โดยเกี่ยวโยงกับเรื่องศาสนาจึงทำให้หนังเรื่องนี้ถูก พิพากษา” ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ดูหนัง ซึ่ง “ปรัญชา ปิ่นแก้ว” โปรดิวเซอร์ผู้อยู่ร่วมในเบื้องหลังการผลักดันให้หนังไทยประวัติศาสตร์เรื่องนี้ได้ออกฉาย เปิดเผยว่า

“ณ วันนี้ที่หนังกำลังจะได้ฉายแล้ว ดีใจมากครับ เพราะตั้งแต่แรกที่เราทำ เรามีความมั่นใจว่าหนังต้องได้ฉาย คนต้องได้ดู คืออยากให้คนดูรู้สึกภูมิใจในความกล้าที่คนจะทำหนังแบบนี้ออกมาจนตอนนี้ ‘นาคปรก’ กำลังจะได้ฉายแล้ว ผมรู้สึกตื่นเต้นที่คนกำลังจะได้ไปดูกัน เราอาจจะมองว่าหนังดูจำกัดอายุคนดูพอสมควร แต่ผมคิดว่าคนดูหนังมีวุฒิภาวะในการดูแตกต่างกันอยู่แล้ว หนังเรื่องนี้ไม่ได้สื่อสารว่าศาสนาเสื่อม แต่คนต่างหากที่เสื่อม บวกกับความแอคชั่นดราม่าที่เข้มข้น รับรองว่าคุ้มค่าการรอคอย ทั้งแง่คิดที่เป็นสิ่งเตือนใจ และสิ่งสอนใจที่เคลือบหนังเรื่องนี้ไว้ ผมว่ามันน่าจะมีประโยชน์กับสังคมในบ้านเรา แต่ผมยังยืนยันว่าเนื้อหาข้างใน ‘นาคปรก’ ไม่ได้ทำให้ศาสนาเสื่อมแต่อย่างใด”

 

ทางด้านผู้กำกับ “ใหม่ ภวัต” ที่งานนี้ดีใจกว่าใครเพื่อนที่หนังซึ่งทุ่มแรงกายแรงใจมานานกำลังจะได้ฉายแล้ว

“ดีใจ ดีใจมากด้วย คือในฐานะผู้กำกับที่อยู่กับหนังมาตั้งแต่เริ่มต้น เริ่มเปิดกล้อง จนปิดกล้อง คือมันเหมือนลูก พอปิดกล้องเสร็จ ตัดต่อเสร็จ เราก็อยากให้คนได้เห็นมัน อยากรู้สึกว่าคนรู้สึกอย่างไร ระหว่างที่รอมันเหมือนยังไม่หายเหนื่อย จนกว่าคนจะได้เห็นหนัง แล้วเรื่องนี้ผ่านอะไรมาเยอะมากกว่าจะได้ฉาย ที่ผ่านมาเหมือนมันยังหายเหนื่อยไม่สุด มาถึงตอนนี้ก็ดีใจมาก แล้วก็เชื่อว่าคนดูจะเปิดใจไปพิสูจน์สิ่งที่อยู่ในหนังกัน”

 

กว่าหนังเรื่องนี้จะได้ฉายให้คนไทยได้พิสูจน์ความแรงและความกล้าที่เรียกได้ว่าพลิกทุกหน้าประวัติศาสตร์หนังไทยที่เคยมีมา ก็ต้องผ่านการต่อสู้กับกองเซนเซอร์ หรือแม้แต่กลุ่มคนที่พิพากษาหนังในทางลบทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ดู ซึ่งทีมงานได้ต่อสู้ทั้งการทำประชาพิจารณ์โดยนำหนัง “นาคปรก” ไปฉายผ่านสายตามาแล้วกว่า 1,000 คน ทั้งจากนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยทั่วกรุงเทพฯ และหมู่คณะสงฆ์ ซึ่งกว่า 95 เปอร์เซนต์ต่างการรันตีว่าหนังเรื่องนี้ “แรงจริง…ดีจริง” จนในที่สุด “นาคปรก” ก็ได้ไฟเขียวให้ฉายโดยไม่มีการตัดทอนตัวหนังแม้แต่ฉากเดียว งานนี้ผู้กำกับได้เผยความรู้สึกเพิ่มเติมว่า

“ต้องขอบคุณหลายๆ ฝ่ายที่ช่วยกันทำให้ ‘นาคปรก’ ได้ฉายครับ ตลอดเวลาสามปีเราก็ลุ้นมาตลอดว่าหนังจะได้ฉายมั้ย ผมในฐานะคนทำ ตั้งใจมาแต่แรกว่าเรามีเจตนาดี แล้วก็มีความเชื่อมาตลอดว่าหนังต้องได้ฉาย คือช่วงที่ลุ้นว่าจะได้ฉายหรือไม่ได้ฉาย ก็ไม่สบายใจมากที่คนกำลังมองเจตนาของเราผิดไป คนที่อยากแบนหนัง พิพากษาหนังไปในทางลบก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ยังไงก็อยากให้เปิดใจและดูสิ่งที่หนังอยากจะบอกก่อน อย่างตอนที่เราไปทำประชาพิจารณ์ทั่วประเทศ เสียงส่วนใหญ่จากคนที่ดูหนังเขาก็ชอบและอินไปกับสิ่งที่หนังอยากจะบอก ตรงนี้เป็นกำลังใจ เป็นความหวังให้เราเสมอมา จนวันนี้หนังกำลังจะได้ฉายโดยไม่โดนตัดหรือเซนเซอร์อะไรเลย เพราะมันมีการจำกัดอายุคนดูแล้ว ถ้าโดนตัดไปสักฉากหนึ่ง หนังเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ ‘นาคปรก’ แล้ว อยากให้ไปดูเนื้อหาในหนังก่อนจะพิพากษาว่ามันดีหรือไม่ดี”

 

18 มีนาคมนี้ คือวันดีเดย์ที่ นาคปรก” จะได้ให้คอหนังในบ้านเรา พิพากษา” ภาพยนตร์เรื่องนี้กันอย่างชนิดที่ว่าไม่ตัดเนื้อหา และความชัดเจนที่หนังอยากจะบอกไปเลยแม้แต่เฟรมเดียว

“คือนอกจากจะสนุกและลุ้นไปกับเรื่องราวของหนังแล้ว อยากให้ดู ‘นาคปรก’ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ เพื่อเป็นคติ เพื่อเป็นข้อคิด หนังเรื่องนี้อยากจะนำเสนออะไรที่แรง คือนอกจากในความเป็นหนังแอคชั่นเข้มข้น ผมเชื่อว่าเมสเสจที่หนังต้องการจะบอก จะทำให้คนดูได้แง่คิดดีๆ ติดตัวกลับไป คุณจะรู้ว่าควรจะเลือกทำสิ่งไหน เลือกที่จะเดินลงนรกหรือจะเลือกทางขึ้นสวรรค์ ดูหนังเรื่องนี้จบแล้วคุณจะรู้ว่าศาสนาจะให้อะไรดีๆ ในหัวใจของคุณได้บ้าง”

 

Nak-Prok-Still11

Nak-Prok-Still17

Nak-Prok-Still18

 

เกร็ดภาพยนตร์:

  • สิ่งที่ผู้กำกับต้องการจะสื่อผ่าน “นาคปรก” ก็คือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับบัว 4 เหล่าได้แก่ บัวเหนือน้ำ บัวปริ่มน้ำ บัวใต้น้ำ บัวอยู่กับโคลนตม เพื่อพิสูจน์ว่า “ศรัทธา” สามารถทำให้คนทุกประเภทหลุดพ้นจากกิเลสตัณหาต่างๆ ได้หรือไม่ “ศาสนา” สามารถขัดเกลาให้คนเป็นคนดีได้จริงหรือโดยสะท้อนผ่านตัวละครแต่ละตัว
  • เนื่องจาก “นาคปรก” เป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา นักแสดงหลักเกือบทุกคนในเรื่องจึงต้องโกนหัวจริงเพื่อแสดงเป็นพระอย่างสมบทบาท  ไม่ว่าจะเป็น “เต๋า สมชาย, เร แม็คโดแนลด์, เต้ ปิติศักดิ์, สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์” และนักแสดงหน้าใหม่อีกหลายคน
  • “นาคปรก” เป็น “พระประจำวันเสาร์” ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมากที่นักแสดงหลัก 3 คนทั้ง “เต๋า-เร-เต้” ทุกคนต่างก็เกิด “วันเสาร์” ทั้งที่ทีมคัดเลือกนักแสดงไม่ทราบข้อมูลนี้มาก่อนเลย
  • บทบาทที่ “เร แม็คโดแนลด์” ได้รับในถือเป็นตัวละครที่มีการแสดงออกทางอารมณ์ของตัวละครอย่างถึงขีดสุด ซึ่งสะท้อนด้านมืดของคนออกมาอย่างชัดเจน ถือเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซของเรเลยทีเดียว
  • ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงรุ่นใหม่มากฝีมือหรือรุ่นใหญ่ระดับขึ้นหิ้ง ล้วนแล้วแต่ตัดสินใจแสดงภาพยนตร์เรื่อง “นาคปรก” ด้วยเหตุผลเดียวกันคือ เพราะความโดดเด่นของตัวละครและเรื่องราวที่เข้มข้นภายใต้บทภาพยนตร์ที่ว่ากันว่าเป็นภาพยนตร์ไทยที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งเลย
  • “ทราย เจริญปุระ” ท้าทายความสามารถอีกครั้งกับบทเป็น “หญิงขายบริการ” ที่เน้นบทบาทการแสดงที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ผ่านทางสีหน้า แววตา และความพลุ่งพล่านอย่างถึงขีดสุด

 

Nak-Prok-Still04

Nak-Prok-Still03

Nak-Prok-Still02

 

บันทึกผู้กำกับ “ภวัต พนังคศิริ”

 

ช่วงเวลาที่ลุ้นเหลือเกินว่าหนังจะได้ฉายในไทยหรือเปล่า มีแต่คนถามผมว่าหนังจะได้ฉายหรอ ผมมักจะตั้งคำถามสวนกลับไปทุกๆ ครั้งว่า “ทำไมมันจะไม่ได้ฉายวะ” สิ่งหนึ่งที่ผมพอจะเข้าใจได้ว่าการทำงานที่เกี่ยวข้องกับศาสนาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ยากที่จะเข้าไปแตะได้ เมื่อยากที่จะเข้าไปแตะ คนก็เลยไม่เข้าใจ ผมเลยเลือกที่จะเข้าไปแตะ (อาจจะถึงขั้นหยิบจับ) แบบตรงๆ ด้วยความเข้าใจ และกล้าพอที่จะเล่าเรื่องราวที่ทุกคนบอกว่าแตะไม่ได้ ซึ่งหลายคนตีความไปเองว่าเป็นการลบหลู่ศาสนา ทุกคนเลยพยายามที่จะเลี่ยงไม่ยุ่งเกี่ยว รวมกระทั่งถึงต่อต้านคัดค้าน สิ่งนี้กระมังที่ทำให้เราถูกผลักออกมาจนห่างไกลจากศาสนา

 

คำถามที่อยู่ในใจของผมคือ สังคมเราทุกวันนี้ดูแลและทำนุบำรุงศาสนากันอย่างไร คือการสร้างวัดหรือเปล่า คือการบริจาคเงินให้วัดหรือเปล่า หรือคืออะไร และผมเชื่อเหลือเกินว่าเราทำไปเพื่ออะไรถ้าไม่ใช่ตัวเอง (เห็นแก่ตัว อยากได้อยากมี) มีกี่คนที่เข้าวัดไปโดยที่ไม่อยากได้อะไรเลย อย่างน้อยๆ ก็อยากได้บุญ เพราะคิดว่าทำแล้วได้ ทำแล้วได้

 

เอาเป็นว่าผมทำหนังเรื่องนี้ด้วยเจตนาที่ดี ด้วยความเข้าใจ และด้วยสามัญสำนึกของมนุษย์ในพุทธศาสนาคนหนึ่งที่หยิบเอาสิ่งที่หลายๆ คนไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว จนสิ่งนั้นกำลังจะกลายเป็นจุดบอดหรือช่องโหว่ที่เป็นโอกาสให้กับคนที่ไม่เข้าใจในศาสนาใช้เป็นหนทางในการหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง เพราะคิดว่ามันง่าย ไม่มีใครกล้ายุ่ง เพราะศาสนาเป็นของสูง ด้วยเหตุนี้เองจึงเกิดอยากเล่าขึ้นมาเป็นพล็อตหนังที่ว่าด้วยเรื่องราวของศาสนา พร้อมกับคำถามมากมาย ศาสนาจะสอนให้คนเราเป็นคนดีได้จริงเหรอ (ซึ่งก็ทั้งจริงและไม่จริง)

 

ภูมิใจครับหากหนังเรื่องนี้จะเป็นจุดเริ่มของประเด็นที่ทำให้เราหันกลับมามองและเข้าใจศาสนากันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว นอกเหนือจากการชมเพื่อความบันเทิง…

 


นักแสดง

สมชาย เข็มกลัด
เร แม็คโดแนลด์
ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์
อินทิรา เจริญปุระ
สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์
รัชนู บุญชูดวง

ผู้กำกับ

ภวัต พนังคศิริ

รางวัล

รางวัล “สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 20” (ประจำปี 2553) / รางวัล “ชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 19” (ประจำปี 2553) / รางวัล “คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 8” (ประจำปี 2553) / รางวัล “STARPICS Thai Film Awards ครั้งที่ 8” (ประจำปี 2553) – นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์), นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (อินทิรา เจริญปุระ)


โปสเตอร์ภาพยนตร์


ตัวอย่างภาพยนตร์ / คลิป


รูปภาพ