เรื่องราวสุดลี้ลับอัศจรรย์ของเด็กชายวัย 13 ปี “คอเนอร์ โอ มาลลีย์” (ลูอิส แม็กดูกัลล์) ที่พยายามรับมือกับการถูกเพื่อนกลั่นแกล้งในโรงเรียน และการช่วยเหลือ “แม่” (เฟลิซิตี โจนส์) ที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย กระทั่งค่ำคืนหนึ่งเขาได้พบกับ “สัตว์ประหลาดต้นไม้ยักษ์” (เลียม นีสัน) ที่นำพาเข้าไปในดินแดนเหนือจินตนาการ สถานที่แห่งนั้นเขาจะได้พบกับการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการเสียสละและการสูญเสียซึ่งจะทำให้เปลี่ยนแปลงโลกแห่งความจริงของเขาไปตลอดกาล

เกร็ดภาพยนตร์:

• “A Monster Call” สร้างจากนิยายแฟนตาซีโดย “แพทริก เนสส์” ที่กวาดคำชมอย่างล้มหลามพร้อมทั้งกวาดรางวัลมากมาย อาทิ “รางวัลคาร์เนกีเมดัล” รางวัลสำหรับนิยายเด็กและวัยรุ่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดของประเทศอังกฤษ และติดอยู่ในลิสต์นิยายเด็กยอดเยี่ยมประจำปีของนิตยสารสมาคมห้องสมุดอเมริกัน รวมทั้งยังติดอันดับนิยายยอดเยี่ยมแห่งปีของหนังสือพิมพ์ชื่อดัง เช่น The Wall Street, Chicago Sun-Times เป็นต้นอีกด้วย

• ภาพยนตร์ระดมทีมนักแสดงคุณภาพไว้อย่างคับคั่งไม่ว่าจะเป็น “เลียม นีสัน” นักแสดงผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ (Schindler’s List), “เฟลิซิตี โจนส์” ผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ (The Theory of Everything), “ซิกอร์นีย์ วีเวอร์” ผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง 3 รางวัลออสการ์ (Aliens) และ “เจอรัลดีน แชปลิน” ผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง 3 รางวัลลูกโลกทองคำ

• ทีมงานเบื้องหลังกว่าครึ่งหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นทีมผู้สร้างจากภาพยนตร์ซึ่งถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ “The Impossible” (2012) ผสมกับทีมงานที่เคยมีส่วนร่วมกับภาพยนตร์ชนะ 3 รางวัลออสการ์อย่าง “Pan’s Labyrinth” (2006) ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการสร้าง “เบเลน แอตเทียนซา” และโปรดักชั่นดีไซน์เนอร์ “ยูเจนีโอ คัลบาเยโร” รวมทั้ง “โจนาธาน คิง” ที่เคยเป็นผู้อำนวยการสร้างให้กับภาพยนตร์ชนะรางวัลออสการ์ปีล่าสุดอย่าง “Spotlight” (2015) มาแล้ว

• ผู้ออกแบบเสื้อผ้า “สตีเวน โนเบิล” เข้าชิง “รางวัลบาฟตา” จากเรื่อง “The Theory of Everything” (2014)

• “โฟกัส ฟีเจอร์” บริษัทผู้สร้างซื้อลิขสิทธิ์นิยายเพื่อดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ด้วยจำนวนเงินมหาศาลถึง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

• เดิมทีหนังสือ “A Monster Calls” เป็นไอเดียของนักเขียนหญิงชื่อดังชาวอังกฤษ “ชิโอบัน ดาวด์” (Siobhan Dowd) แต่เธอได้เสียชีวิตไปก่อนในปี 2007 จากนั้น “แพทริก เนสส์” จึงได้รับข้อเสนอให้มารับช่วงต่อ และเขียนหนังสือเล่มนี้จนจบ

• “แพทริก เนสส์” ผู้ประพันธ์หนังสือต้นฉบับ ลงทุนลงแรงเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตนเอง