ยักษ์ (Yak: The Giant King)

วันเข้าฉาย: 04/10/2012 ผจญภัย, แอ็กชัน, แอนิเมชัน 01 ชั่วโมง 40 นาที

เรื่องย่อ

“มีรามเกียรติ์เกิดขึ้นใหม่ทุกวัน ทุกแห่งหน ทุกผู้คน ไม่เว้นแม้แต่ในโลกของหุ่นยนต์”

“สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล / บ้านอิทธิฤทธิ์ ซูเปอร์จิ๋ว / เวิร์คพอยท์ พิคเจอร์ส”

สุดภูมิใจที่ได้ร่วมกันสร้างฝันครั้งใหญ่ยิ่งกับอภิมหากาพย์ภาพยนตร์แอนิเมชั่นไทยที่มีชื่อสั้นๆ ว่า

“ยักษ์”

ด้วยแรงบันดาลใจในตัวละครคลาสสิกจากมหากาพย์รามายณะ ราม, หนุมาน, ทศกัณฐ์ ฯลฯ

จุดประกายไอเดียให้เขียนเรื่องขึ้นมาใหม่ก่อนกำกับทุกภาพให้โลดแล่นเป็นการ์ตูนโดย

“ประภาส ชลศรานนท์”

พร้อมร่วมเดินทางสร้างสรรค์จินตนาการภาพและเสียงให้เคลื่อนไหวอย่างมหัศจรรย์

จากหลากหลายศิลปินแห่งยุคในแขนงต่างๆ มาร่วมเนรมิต ยักษ์” ที่เรารักให้แผลงฤทธิ์บนผืนโลกใบนี้

4 ตุลาคมนี้ ถึงเวลาที่เรามั่นใจและเชื่อว่าทุกคนจะรัก “ยักษ์” เหมือนที่เรา “รัก”

 

หลังสงครามอันยิ่งใหญ่ระหว่าง “หุ่นกระป๋องฝ่ายราม” กับ “หุ่นยักษ์ฝ่ายทศกัณฐ์” จบลงแบบล้างเผ่าพันธุ์ปล่อยทิ้งให้สนามรบกลายเป็นเพียงสุสานซากเศษโลหะและเป็นขุมทรัพย์ให้กับบรรดาหุ่นค้าของเก่า และแล้วเรื่องราวมิตรภาพและการเดินทางผจญภัยของเจ้าหุ่นยนต์ 2 ตัวที่ดูๆ ไปแล้วไม่มีสิ่งใดที่จะเหมือนกันสักนิดเดียวก็ได้เริ่มต้นขึ้นในอีกหลายล้านวันต่อมา

 

เจ้าหุ่นตัวหนึ่งใหญ่ยักษ์สมร่างชื่อ “น้าเขียว” บ่งบอกตามลักษณะสีอันเป็นเอกลักษณ์ดูน่าเกรงขาม กับ “เจ้าเผือก” หุ่นกระป๋องมินิตัวเล็กประเมินจากสภาพจากพวกค้าหุ่นยนต์เก่าบอกได้คำเดียวว่าไร้ราคา แต่กลับกลายเป็นว่าเจ้าหุ่น 2 ตัวต่างตื่นขึ้นมาจากการถูกขุดขึ้นพร้อมกับสภาวะหน่วยความจำเสื่อม ไม่จำอดีต ไม่รู้อนาคต แถมยังมีโซ่พิเศษที่ตัดเท่าไหร่ก็ตัดไม่ขาดผูกล่ามติดกัน

 

หนำซ้ำงานนี้พอทั้งคู่ตื่นขึ้นมาก็อาละวาดซะจนเมืองขายของเก่ากระเจิดกระเจิงราบเป็นหน้ากลอง  ทำให้ทั้งคู่ต้องหนีและกลายเป็นร่วมผจญภัยไปด้วยกันอย่างไม่มีทางเลือก ทีแรกดูเผินๆ ต่างฝ่ายต่างเป็นส่วนเกินของกันและกัน แต่ตลอดการเดินทางกลับมีเรื่องราวหลากหลายเกิดขึ้นทำให้ทั้งคู่กลายเป็น “ฮีโร่” โดยไม่รู้ตัว สร้างความผูกผันให้กับทั้งน้าเขียวและเจ้าเผือกก่อเกิดเป็นมิตรภาพที่ทำให้ส่วนเกินกลายแปรเปลี่ยนเป็นส่วนเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของทั้งคู่ และจนวันหนึ่งที่พวกเขาพร้อมจะเป็นเพื่อนสนิทด้วยความเต็มใจ กลับเป็นวันที่ต้องรู้ว่า แท้จริงแล้วตัวตนของพวกเขาคือใคร  หน้าที่และภารกิจที่ได้รับมอบหมายจะต้องดำเนินต่อไป ทำให้ต้องเลือกระหว่าง “มิตรภาพ” กับ “หน้าที่” สิ่งใดสำคัญกว่ากัน

 

Yak-Still16

 

สิ่งละอันพันละน้อยหลอมรวมเป็นแอนิเมชั่นชวนยิ้ม “ยักษ์”

 

ที่มา: 

  • ก่อนจะใช้ชื่อว่า “บ้านอิทธิฤทธิ์” บริษัทนี้เคยเกือบจะได้ใช้ชื่อว่า “ฤาษี” 
  • “จิก ประภาส” และ “เอ็กซ์ ชัยพร” มีความชอบในลายเส้นของ “รงค์” (ณรงค์ ประภาสะโนบล) นักเขียนการ์ตูนในหนังสือ “ชัยพฤกษ์การ์ตูน” เหมือนกันโดยไม่ตั้งใจ
  • จุดเริ่มต้นของการนำ “รามเกียรติ์” มาสร้างเป็นแอนิเมชั่นเกิดจากขั้นตอนการประชุมทีมงานเพื่อวางเรื่อง แต่มีคนๆ หนึ่งเขียนชื่อลงไปในกระดาษผิดจาก “รามเกียรติ์” เป็น “รามเกียร์” เลยได้ไอเดียว่าถ้าเป็นโลกของหุ่นยนต์ขึ้นมาจะเป็นอย่างไร
  • ชื่อเรื่อง “ยักษ์” นี้ ประภาสไม่เคยคิดเป็นชื่ออื่นเลย เพราะพอได้ไอเดียว่าเป็น “รามเกียรติ์” แล้ว ตัวละครแรกที่ตั้งใจใช้เป็นตัวเอกก็คือ “ทศกัณฐ์” เพราะเป็นตัวละครที่เขาชอบมากที่สุด จนถึงกับเอามาตั้งเป็นชื่อรายการ “เกมทศกัณฐ์” จนโด่งดังมาแล้ว เหตุที่ชอบเพราะรู้สึกว่าเป็นตัวละครที่น่าสนใจ และทึ่งกับความคิดสร้างสรรค์ของการออกแบบให้มี 10 หน้า 20 แขน 20 มือ

 

ตัวละคร:

  • ต้นแบบของตัวละครในเรื่อง “ยักษ์” มาจากหุ่นยนต์ที่ “เอ็กซ์ ชัยพร” ออกแบบไตเติลให้ “เวิร์คพอยท์ฯ” เมื่อ 8 ปีก่อน ในตอนจบของรายการเป็นหุ่นยนต์ตัวหนึ่งที่เดินมาแล้วแปลงแขนเป็นอาวุธสงคราม มันเอากองขยะมาประกอบจนเขียนคำว่าเวิร์คพอยท์ ไตเติลนี้ใช้เพียงไม่กี่ครั้ง ประภาสก็ให้ถอดออกเพราะจะเก็บไว้ทำแอนิเมชั่นต่อ
  • “หนุมาน” คือตัวละครที่ออกแบบยากที่สุด มีการปรับแก้หลายครั้งกว่าจะได้หน้าตาที่ดูเป็น “ฮีโร่” มากขึ้น
  • ตัวละครบางตัวมีการดึงลักษณะเด่นของนักแสดงผู้พากย์เสียงมาเป็นส่วนหนึ่งของรูปลักษณ์ตัวละครด้วย เช่น “หนุมาน” จะแตกต่างจากหุ่นยนต์ตัวอื่น ตรงที่หุ่นตัวอื่นจะมีเสาอากาศไว้รับคำสั่งจาก “ราม” เพียงเสาเดียว แต่หนุมานจะมีสามเสาดูคล้ายทรงเดดร็อกทรงผมของ “เสนาหอย” / “ก๊อก” หุ่นขายของเก่าก็ออกแบบมาจาก “แจ๊ป เดอะริชแมนทอย” 
  • ตัวละครต่างๆ ในเรื่องนี้ได้ใส่รายละเอียดความเป็นไทยแฝงลงไปด้วยเช่น คิ้วของตัวละครเป็นคิ้วหยักๆ ได้ต้นแบบมาจากหัวโขน  ตัวละครอย่าง “กุมภกรรณ” มีรอยสักรูปทศกัณฐ์ที่หน้าอก แต่รอยสักของโลกหุ่นยนต์จะไม่เหมือนกับของคนสักของหุ่นจะเอาเหล็กมาแล้วก็ยิงตะปูติด
  • หน้าท้องของตัวละคร “ทศกัณฐ์” ออกแบบมาจากท้องแมลง นอกจากเพื่อความสวยงามแล้ว ข้อดีคือมันสามารถงอเหมือนหุ่นจริงๆ
  • ตัวละครหลักในเรื่องนี้ตัวที่ไม่ได้อ้างอิงมาจาก “รามเกียรติ์” คือ “น้องสนิม” 
  • “น้องสนิม” เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ทำกันหลายรอบ เพราะเป็นหุ่นยนต์ผู้หญิง ต้องออกแบบให้น่ารักนั้นทำได้ยาก ก่อนหน้านี้น้องสนิมเคยมีหน้าตาที่ดูน่ากลัวมากเพราะหน้าเป็นสนิมไปหมด
  • ตัวละคร “บรู๊คส์” นักไต่เขา เป็นตัวละครที่ตั้งใจออกแบบให้เหมือน “โน้ต อุดม” โดนตอนแรกทีมงานจะใส่จมูกอันเป็นเอกลักษณ์ลงไปแต่ไม่เข้ากับหน้าหุ่นยนต์เลยเอาออก แต่ถึงอย่างนั้นก็ออกมาคล้ายมากอยู่ดี
  • ส่วนชื่อบรู๊คส์นั้น ประภาสตั้งชื่อนี้ เพราะมีความประทับใจมาจากตัวละครบรูกส์ในหนังเรื่อง “The Shawshank Redemption” (1994 
  • คาแร็กเตอร์ที่หาเสียงยากสุดคือตัว “น้าเขียว” หรือ “ทศกัณฐ์” เพราะว่ายักษ์ต้องมีทั้งความน่ากลัว เสียงต้องใหญ่ แต่พอติงต๊องก็เสียงต้องน่าสงสารด้วย จนสุดท้ายมาลงตัวที่ “หนุ่ม สันติสุข” 
  • จริงๆ แล้วคาแร็กเตอร์ทั้งหมดในเรื่องมีอีกเป็นพันตัวเวลาที่ตัวละครเดินทางไปแต่ละเมืองเราก็จะเห็นดีไซน์ของหุ่นที่ไม่เหมือนกัน เมืองแต่ละเมืองก็จะมีสัญลักษณ์บางอย่าง เช่นเมืองที่เป็นเซียงกง เมืองนี้ก็จะเป็นเมืองที่เป็นสนิมๆ ไม่ค่อยสมบูรณ์  และพอเข้าไปโรงไฟฟ้าก็จะเป็นอีกเมืองหนึ่งก็จะเป็นอีกสีหนึ่ง 

 

ฉาก:

  • ฉากที่ใช้เวลาทำนานที่สุดจะเป็น “ฉากมหาสงคราม” ที่ใช้เวลานานเพราะว่าเป็นฉากแรกที่ทีมงานเริ่มทดลองทำ ใช้เวลาประมาณครึ่งปีสำหรับฉากแค่ 4 นาที (ในตอนแรกฉากนี้มีความยาวถึง 14 นาที)
  • “ฉากเชียงกง” เป็นตลาดที่ใช้ขายอะไหล่ให้หุ่นยนต์ตัวอื่นได้มาซื้อเปลี่ยน ฉากนี้มีต้นแบบมาจากตลาดเซียงกงจริงๆ ที่ขายอะไหล่รถยนต์ เครื่องยนต์ต่างๆ ในบ้านเรา
  • การออกแบบอาร์ตไดเร็กชั่นในเรื่องนี้มีความเป็นไทยสูง อย่างบรรยากาศท้องฟ้าในเรื่อง ชัยพรตั้งใจออกแบบให้มีสีสันที่เหมือนการใส่บาตรตอนเช้า
  • “ฉากยักษ์ตื่น” เป็นฉากที่มีความสนุกสนานอลม่าน เหตุการณ์ป่วนๆ เกิดขึ้นหลังจากที่ “ทศกัณฐ์” และ “หนุมาน” ตื่นขึ้นจากการหลับมานาน แต่ความยากของแอนิเมเตอร์ในฉากนี้คือต้องทำชาวเมืองนับร้อย และแต่ละตัวต่างกันหมดทั้งหน้าตาและการเคลื่อนไหว แถมยังมีบ้านเรือนเป็นฉากมากมายอีกด้วย
  • “ฉากปาหี่ของกุมภกรรณ” การจัดแสงต่างๆ ได้ไอเดียมาจากงานคอนเสิร์ตของจริงความยากของฉากนี้นอกจากจะมีตัวละครนับร้อย ทำให้จัดแสงไฟได้ยาก และตัวละครทุกตัวต้องมีชีวิตของตัวเองไมได้ขยับตัวเหมือนๆ กัน
  • “ฉากฟาร์มแม่เหล็ก” ฉากนี้ใช้การออกแบบง่ายๆ แต่ทรงพลัง โดยออกแบบให้เป็นแม่เหล็กเกือกม้าใหญ่ๆ อันเดียวเพื่อสื่อความหมาย แม่เหล็กนี้ไว้ใช้เปลี่ยนเหล็กให้กลายเป็นแม่เหล็ก และใช้ผลิตกระแสไฟไฟฟ้าให้กับเมืองหุ่นยนต์ เมื่อหุ่นยนต์ที่เข้าใกล้แม่เหล็กก็จะถูกดูดเข้าไป ฉากนี้เป็นฉากที่น่าตื่นเต้นน่ารอชมอีกฉาก
  • “ฉากตัดโซ่” ในเรื่องนี้จะเห็นสถานการณ์ที่เผือกและเขียวพยายามจะตัดโซ่ออกจากกันหลายครั้ง คนดูจะได้สนุกไปกับสถานการณ์หลากหลาย เบื้องหลังการสร้างนั้นยากมาก ฉากนี้มีประมาณ 6-7 ฉากในเวลาไม่ถึง 1 นาที แต่ฉากหนึ่งใช้เวลาเฉลี่ยแล้วประมาณ 4-6 เดือน
  • “โซ่” ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในเรื่องนี้เป็นจุดที่ยากมากเช่นกัน เพราะต้องใช้การสร้างงานซิมูเลชั่น (การเคลื่อนไหวที่สร้างขึ้นในคอมพิวเตอร์) มาทำให้โซ่เคลื่อนไหวได้สมจริง เป็นจุดที่ยากมากที่สุดจุดหนึ่งในเรื่อง เพราะตอนแรกยังไม่มีเทคโนโลยีการเขียนสคริปต์ให้คอมพิวเตอร์คำนวณ ต้องใช้แอนิเมเตอร์ค่อยๆ ขยับ จนเกือบทำแอนิเมเตอร์ถอดใจลาออกกันหลายคน จุดที่ยากที่สุดคือต้องทำให้โซ่ไปพันเสาให้ได้ใน “ฉากฟาร์มแม่เหล็ก”

 

รามเกียรติ์:

ในแอนิเมชั่นเรื่อง “ยักษ์” นี้เป็นการนำ “รามเกียรติ์” มาเล่าในรูปแบบใหม่ มีการอิงจากเรื่องต้นฉบับและมีจุดที่มาแต่งเติมความคิดสร้างสีสันหลายจุด มีทั้งจุดที่เหมือนและแตกต่างได้แก่

  • หางของ“หนุมาน” ที่ยืดออกมาเป็นโซ่ได้ยาวๆ อิงมาจากฤทธิ์เดชของหนุมานที่สามารถยืดหางยาวจนพันรอบภูเขาได้
  • “กุมภกรรณ” ในแง่ของวรรณคดีแล้วมีกายสีเขียว มีศักดิ์เป็นน้องแท้ๆ ของ “ทศกัณฐ์” มีอาวุธร้ายประจำกายคือ “หอกโมกขศักดิ์” แต่ในเรื่องนี้จะมีร่างกายสีแดง เป็นพ่อค้าปาหี่ซึ่งหลงใหลทศกัณฐ์  และแน่นอนในเรื่องนี้มีปืนโมกขศักดิ์ เป็นอาวุธประจำกายเช่นกัน
  • “สดายุ” ตามเรื่องรามเกียรติ์ คือ “พระยาสดายุ” เป็นพญานก กายสีเขียว เป็นเพื่อนกับ “ท้าวทศรถ” วันหนึ่งสดายุพบทศกัณฐ์อุ้มนางสีดาเหาะมา นางสีดาเรียกให้ช่วย สดายุจึงเข้าต่อสู้กับทศกัณฐ์ แต่ในเรื่องนี้สดายุเป็นเครื่องบินรบสมัยสงคราม เป็นเครื่องบินของกองทัพทศกัณฐ์ ในฉากแรกเราจะเห็นบินกันเป็นฝูงๆ แต่เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงตรงกลางเรื่อง นกสดายุเครื่องบินรบเก่าที่เหลืออยู่เพียงลำเดียวก็ออกมาแสดงความสนุก

 

ยักษ์ในต่างแดน:

  • ทีมงานส่วนใหญ่ของแอนิเมชั่น “ยักษ์” ตั้งแต่ผู้สร้าง, ผู้กำกับ, คนเขียนบท, นักแสดง, คนทำดนตรีประกอบ, มือตัดต่อ, ศิลปิน, รวมไปถึงทีมแอนิเมเตอร์ตลอดจนทีมงานเบื้องหน้าเบื้องหลังทั้งหมด ฯลฯ ยกเว้น “ทอดด์ ทองดี” ที่รับผิดชอบในการควบคุมกำกับการพากย์เวอร์ชั่นเสียงภาษาอังกฤษ พบว่าทีมงานทุกคนล้วนถือสัญชาติไทยและมีบัตรประชาชนเป็นคนไทยแทบทั้งสิ้น
  • “การเดินทางของยักษ์ในต่างแดน” เริ่มต้นขึ้นก่อนที่ตัวหนังฉบับสมบูรณ์จะเสร็จสิ้นโดยมีการนำภาพบางส่วนจากภาพยนตร์ไปฉายใน “เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์” ที่ผ่านมารวมไปถึงดินแดนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าตำรับของอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นอย่างประเทศ “ญี่ปุ่น” และ “อเมริกา” 
  • เจ้าของลายเส้นการ์ตูนยักษ์อย่าง “เอ็กซ์ ชัยพร” ถึงกลับปลื้มสุดๆ เมื่อมีชาวญี่ปุ่นที่เป็นนักเขียนการ์ตูนชื่อดังได้กล่าวแสดงความชื่นชมผลงานหลังจากที่ได้ชมภาพยนตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้สึกประทับใจกับการเคลื่อนไหวของตัวยักษ์ พร้อมกับแสดงท่าทีสนใจอยากร่วมงานด้วย
  • อีกหนึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นล่าสุดสดๆ ร้อนๆ และถือได้ว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีจากการเปิดเผยล่าสุดจาก “เสี่ยเจียง” หัวเรือใหญ่ของ “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” ว่าแอนิเมชั่น “ยักษ์” ได้มีการตอบรับเซ็นสัญญาซื้อขายไปบ้างแล้วจากบางประเทศที่มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์อย่าง “รัสเซีย” และ “เกาหลี” ในขณะที่ “ญี่ปุ่น” และ “อเมริกา” เองกำลังอยู่ในระหว่างเจรจาและมีทีท่าสนใจไม่ใช่น้อย
  • สร้างความแปลกใจและตื่นตะลึงไปมิใช่น้อยเมื่อหลายๆ ชาติที่มีโอกาสได้ชม “ยักษ์” และรู้ว่านี่คือผลงานแอนิเมชั่นสัญชาติไทยที่ทำโดยฝีมือคนไทย

 


นักแสดง

สันติสุข พรหมศิริ (พากย์เสียง)
เกียรติศักดิ์ อุดมนาค (พากย์เสียง)
ชนินาภ ศิริสวัสดิ์ (พากย์เสียง)
บริบูรณ์ จันทร์เรือง (พากย์เสียง)
วีรณัฐ ทิพยมณฑล (แจ๊ป เดอะริชแมนทอย) (พากย์เสียง)
อุดม แต้พานิช (พากย์เสียง)

ผู้กำกับ

ประภาส ชลศรานนท์, ชัยพร พานิชรุทติวงศ์

รางวัล

รางวัล “พระสุรัสวดี-ตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 29” (ประจำปี 2555) – เทคนิคภาพพิเศษยอดเยี่ยม (บริษัท บ้านอิทธิฤทธิ์ จำกัด)


โปสเตอร์ภาพยนตร์


ตัวอย่างภาพยนตร์ / คลิป


รูปภาพ