
เพราะเราเชื่อว่า ความดี ยิ่งส่งต่อ ยิ่งยิ่งใหญ่
“สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ” ขอส่ง “ของขวัญ” ภาพยนตร์แห่งแรงบันดาลใจ มอบให้คนไทยดูฟรี โดย 4 ผู้กำกับแนวหน้า “ปรัชญา ปิ่นแก้ว / นนทรีย์ นิมิบุตร / ก้องเกียรติ โขมศิริ / ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล”
พร้อมนักแสดงคุณภาพ “สุรศักดิ์ วงษ์ไทย / ม.ร.ว.มงคลชาย ยุคล / โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ / อิษยา ฮอสุวรรณ / ชวินโรจน์ ลิขิตเจริญสกุล / อริศรา วงษ์ชาลี / อัญชลี หัสดีวิจิตร / ศุทธสิทธิ์ พจน์ฐศักดิ์ / ธนาภัค จงใจพระ / ชนิกานต์ ตังกบดี / ด.ช.ฐิรพจน์ ต่วนสวัสดิ์ / ณัชชาภัทร แสงฤทธิ์ และ บุญส่ง นาคภู่”
28 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ส่งต่อความดี ดูฟรีที่โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ
ที่มาแห่ง #ของขวัญ
จากบริษัทที่ผลิตภาพยนตร์ไทยคุณภาพอย่างต่อเนื่องมากว่า 40 ปี ในเดือนตุลาคม 2560 “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” พร้อมจัดฉายที่สุดของภาพยนตร์แห่งความภาคภูมิ จากการรวมใจถ่ายทอดของ 4 ผู้กำกับแถวหน้าและทีมนักแสดงหลากหลายรุ่น เพื่อส่งต่อ… และหล่อเลี้ยงพลังใจให้คนไทยทั้งประเทศด้วย “ของขวัญ” ชิ้นพิเศษนี้
“คอนเซปต์ของ ‘ของขวัญ’ คือการที่เราได้รับแรงบันดาลใจจาก ‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9′ มาโดยตลอดทั้งจากในพระราชกรณียกิจและพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน และพวกเราคนทำหนังเองก็จะมีส่วนหนึ่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพระองค์ท่านเหมือนกันในการที่เราจะทำงานอย่างหนักเพื่อทำสิ่งทีดีที่สุดไว้ให้กับคนดู เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกันที่เราทุกคนพยายามทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อที่จะส่งต่อแรงบันดาลใจ ส่งต่อสิ่งที่ท่านทำไว้ให้กับคนไทยทุกคนผ่านสื่อภาพยนตร์ที่เราถนัดครับ
มันคือการใช้คำสอนของพระองค์ท่านมาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเอามาเป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตของทุกๆ คน เราก็นำเอาคอนเซปต์นี้มาแบ่งเป็น 4 เรื่อง จากความร่วมมือของ 4 ผู้กำกับ ก็จะมี ‘ผม (อุ๋ย นนทรีย์), คุณปรัชญา ปิ่นแก้ว, คุณโขม ก้องเกียรติ และ คุณมะเดี่ยว ชูเกียรติ’ ซึ่งทุกคนก็มีความเต็มใจและพร้อมที่จะทำภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างมาก และได้ ‘คุณสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ’ เป็นโปรดิวเซอร์ใหญ่ในการสนับสนุนพวกเราให้ทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมา ร่วมด้วยโรงภาพยนตร์คุณภาพจากทั่วไทยที่จะพร้อมใจกันส่งต่อ ‘ของขวัญ’ ชิ้นนี้ให้ถึงหัวใจคนดูทั้งประเทศอีกด้วย
ผมรู้สึกว่าสิ่งที่น่าสนใจมากๆ ของหนังเรื่องนี้คือ การสะท้อนภาพที่เป็นมาเป็นไปของสังคมในปัจจุบันนี้ ซึ่งเราพยายามที่จะสะท้อนให้ภาพนี้มันชัดเจนที่สุด ผมอยากให้คนดูหนังเรื่องนี้แล้วมันสามารถจะกระตุ้นความรู้สึกบางอย่าง หรือให้ฉุกคิดในเรื่องบางเรื่อง หรือทำให้สิ่งที่พวกเขาหาทางออกไม่ได้ให้มันผ่านพ้นไปได้
คนไทยได้รับ ‘ของขวัญ’ ที่ดีที่สุดที่เต็มไปด้วยความรักและความดีงามที่สร้างแรงบันดาลใจ สร้างพลังชีวิตในทุกๆ ด้าน ในทุกๆ วันมากว่า 70 ปีไม่เคยขาดจากพ่อที่พวกเรารักที่สุด วันนี้ผมอยากให้หนังสั้น 4 เรื่องนี้เป็นตัวแทนในการส่งต่อ ‘ของขวัญ’ ให้คนที่รักพ่อเพื่อเป็นพลังและแรงขับเคลื่อนในการมีชีวิตอยู่ของพวกเรากันต่อไป” โปรดิวเซอร์-ผู้กำกับ “นนทรีย์ นิมิบุตร” เผยที่มาที่ไปและแรงบันดาลใจของโปรเจกต์นี้
The Letter
ความคิดถึงในจินตนาการของเด็กน้อยบ้านไกลที่อยากจะส่งข้อความถึงพ่อที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด การติดตามจดหมายไปจนกว่าจะพบปลายทางนั้น นับเป็นการผจญภัยอันล้ำค่า ไม่ว่าพ่อในความคิดถึงจะอยู่ในที่แห่งใด แต่สำหรับเด็กน้อยผู้นี้ เขาเชื่อว่าจดหมายมักจะส่งถึงผู้รับเสมอ…
“ผมเล่าเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่อยากจะเขียนจดหมายถึงพระองค์ท่าน จากจดหมายฉบับนั้นก็จะบ่งบอกถึงความรู้สึกที่เค้าอยากจะแสดงความรู้สึกบางอย่างต่อพระองค์ท่าน มันทำให้เกิดเรื่องเกิดราว ออกเป็นแนวผจญภัยเล็กๆ ในมุมของเด็ก เด็กอาจมองเป็นเรื่องเล็กสำหรับเค้า แต่ในสายตาผู้ใหญ่มันเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน ตรงนี้มันทำให้หนังมันน่าจะมีความน่าสนใจตรงนี้
หนังผมจะเป็นการผจญภัยใสๆ เหมือนดูหนังดิสนีย์ แต่ว่าสิ่งที่เด็กได้รับหรือว่าความรู้สึกที่ได้รับในตอนท้ายนี่มันต้องยิ่งใหญ่ให้สมกับเรื่องราวที่เราพูดถึงพระองค์ท่าน
โปรเจกต์นี้ผมว่าน่าสนใจที่เราจะได้ดูว่ามุมมองของผู้กำกับทั้งสี่คนนี้จะเล่าเรื่องออกมายังไง และที่สำคัญที่สุดคือโปรเจกต์นี้จะสร้างความแตกต่างจากหนังลักษณะนี้ที่เราเคยคุ้นตากันยังไงบ้าง”– ผกก.ปรัชญา ปิ่นแก้ว
ดอกไม้ในกองขยะ
ความรักและความอบอุ่นของครอบครัวจะสามารถจรรโลงสังคมให้ดีขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะหรืออาชีพใด เช่นเดียวกับพนักงานเก็บขยะวัยกลางคนที่พยายามดูแลกันและกันในครอบครัวของเขาให้ดีที่สุด
“ดอกไม้ในกองขยะ ก็เหมือนความรักและความงดงามที่อยู่ในความสกปรก อยู่บนกองขยะที่ทุกคนไม่เอา สิ่งที่ทุกคนว่าน่ารังเกียจแต่มันมีความงดงามอยู่ในนั้น ถ้าครอบครัวเราอบอุ่น รักกัน ไม่ว่ามันจะเกิดอุปสรรคหรือเหตุการณ์เลวร้ายอะไรขึ้นก็ตาม ความรักจะทำให้ทุกอย่างมันผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หนังเรื่องนี้ก็จะเริ่มต้นคิดแบบนี้ ถ้าเราพูดถึงคนที่เป็นตัวแทนขององค์กรเล็กๆ ในสังคมอย่าง ‘คนที่มีอาชีพเก็บขยะ’ หน้าที่ความรับผิดชอบของเค้าคือจัดการของที่ทุกคนทิ้งให้มันเข้าที่เข้าทาง เค้ามีความเสียสละเพื่อพวกเรา เพื่อไม่ให้บ้านเมืองสกปรก ผมรู้สึกอย่างนั้นก็เลยหยิบเอาชีวิตของเค้ามาพูดถึงในเรื่องนี้
ตั้งแต่การเขียนบท ช่วยกันคิดลงรายละเอียด การรีเสิร์ชต่างๆ จนถึงตอนถ่ายทำ ผมรู้สึกว่ามีความอบอุ่นประหลาดอย่างบอกไม่ถูก แรงบันดาลใจในการทำเรื่องนี้มันเต็มเปี่ยมจริงๆ ทุกนาทีที่เราทำงานก็จะพยายามที่สุดที่จะไม่พลาดอะไร พยายามช่วยกันคิดช่วยกันดู กระทั่งนักแสดงเองก็ต้องมานั่งคุยกันทุกฉากว่า แค่นี้เราว่าพอหรือยัง หรืออยากจะลองแบบนี้อีกมั้ย เพิ่มอีกหน่อยมั้ย ทุกคนพยายามจะทำหนังเรื่องนี้ให้มันสวยงามที่สุด ช่วยกันดีไซน์ให้มันสนุกขึ้นกว่าบทที่เขียนไว้ ซึ่งตอนเป็นบทก็รู้สึกว่ามันโอเคแล้ว แต่พอทำงานจริงๆ มันสนุกกว่าบทเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นการแสดง การเลือกมุมกล้อง การถ่ายทำ การไปเลือกโลเคชั่นในการทำงาน คือทุกคนก็จะช่วยกันทำให้หนังเรื่องนี้มันประสบความสำเร็จบนเวลาที่จำกัด” – ผกก.นนทรีย์ นิมิบุตร
สัจจะธรณี
หญิงสาวกับการเดินทางห่างไกลจากแม่ที่เลี้ยงดูเธอมา เพื่อออกตามหารากเหง้าของผู้เป็นพ่อและตัวเอง จนได้เข้าใจในที่สุดว่าครอบครัวของเธอมาจากไหน และใครคือคนที่รักเธออย่างแท้จริง พร้อมทั้งได้พลังและศรัทธาแห่งชีวิตกลับคืนมา
“ตั้งแต่คุยกับพี่อุ๋ย นนทรีย์-โปรดิวเซอร์เรื่องนี้ เราก็ไม่อยากทำเรื่องที่มันเศร้าอย่างเดียว อยากจะทำโปรเจกต์ที่มันเป็นเรื่องของการก้าวไปข้างหน้า การมอบของขวัญ การส่งต่อความดี การอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่อย่างเข้าใจถ่องแท้และเดินทางไปข้างหน้าอย่างมั่นใจด้วยองค์ความรู้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เคยมอบไว้ให้ผืนแผ่นดินนี้ เราก็นำความรู้เหล่านั้นมาพูดถึงในแง่ของการทำหนังว่าเราจะเล่าเรื่องของพระองค์ยังไงดี โดยที่ไม่ใช่แค่การตอกย้ำความสูญเสีย แต่มันคือการก้าวไปข้างหน้าและการบอกต่อ อันนี้ในฐานะคนทำหนังแล้วเราเชื่อว่ามันเป็นภารกิจที่จำเป็น
เรื่องราวก็จะพูดถึงว่า ไม่ว่าเราจะเป็นใคร เราจะเดินทางหาตัวตนที่แท้จริงของเราเจอหรือไม่ บางทีมันไม่สำคัญเท่าเราเข้าใจหรือเปล่าว่าทั้งหมดมันคือการสมมติขึ้นทั้งนั้น แต่ดินต่างหากที่ไม่เคยโกหกใคร ในหลวงจึงพัฒนาดิน คอนเซปต์หลักๆ ก็มาจากชื่อของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่แปลว่า ‘พลังของแผ่นดิน’ เราก็เลยรู้สึกว่าการเล่นเรื่องดินเนี่ย น่าจะเป็นการพูดถึงสิ่งที่มีอยู่และไปข้างหน้าอย่างมั่นคงมากกว่า การไปข้างหน้ามันอาจไม่ได้พูดถึงเชิงเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่ถ้าเราเข้าใจมันอย่างถ่องแท้แล้วเราก็จะไปข้างหน้าได้จริงๆ” – ผกก.ก้องเกียรติ โขมศิริ
เมฆฝนบนป่าเหนือ
คนเรายึดมั่นที่จะทำความดีเพื่อจะทำให้สังคมดีขึ้นได้หลายรูปแบบ โดยที่เราต้องไม่ยัดเยียดและไม่ย่อท้อ หนังจะเล่าเรื่องการออกค่ายของกลุ่มนักศึกษาไฟแรงที่ต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งของชาวบ้านในพื้นที่ พร้อมเรื่องราวความรักของวัยรุ่นที่มีเส้นบางๆ ของความเป็นเพื่อนกั้นกลาง ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครยัดเยียดความรักให้ใครได้
“เวลาเรานึกถึงพระองค์ท่าน เราก็จะนึกถึงโครงการต่างๆ นึกถึงความชุ่มฉ่ำอุดมสมบูรณ์ในทุกๆ ที่ที่ท่านไปถึงแล้วก็ทำให้พื้นที่ตรงนั้นอยู่ได้ แล้วก็นึกถึงชีวิตอะไรอย่างนี้ แล้วพอเรานึกถึงเมฆฝนก็เชื่อมโยงกับบางสิ่งบางอย่างของวัยรุ่น อย่างอุดมการณ์ แรงความฝัน แรงศรัทธาอะไรบางอย่าง บางทีเค้าก็จะมีแรงวิ่งตามความฝัน วิ่งตามเมฆฝนพวกนี้ในชีวิตของเค้า ก็เอาประเด็นนี้มารวมกันจนเป็นเรื่องนี้ขึ้นมา
บางสิ่งที่พระองค์ท่านได้เคยพูดไว้ว่า การที่เราจะไปพัฒนาที่ไหนซักที่หนึ่ง เราควรจะรู้ความต้องการของคนในพื้นที่นั้นๆ ว่าเค้าต้องการอะไร การพัฒนานั้นมันถึงจะได้ผลและยั่งยืน ประเด็นนี้แหละ เรารู้สึกว่า Conflict ในสังคมเนี่ย มันก็แก้ได้ด้วยการเรียนรู้จากที่ท่านได้สอนมาหรือได้เคยพูดเอาไว้
พอได้รับโจทย์มาก็ตอบรับทันที เราทำเรื่องนี้ด้วยใจจริงๆ พอได้ทำ ได้ไปรีเสิร์ชก็เข้าใจแก่นที่เราทำมากขึ้น ในสิ่งที่ท่านเคยสอนเราในฐานะพ่อของคนทั้งแผ่นดิน เราเข้าใจมากขึ้น สิ่งที่ท่านทำไว้เยอะมากและไม่ได้สูญหายไปไหน ก็ยังอยู่ในใจของเราทุกคน แล้วถ้าเราทำตามสิ่งที่ท่านสอนเอาไว้ ประเทศของเรา โลกของเรามันจะดีขึ้น ถ้าเราไม่ย่อท้อไปก่อน สำหรับเรื่องนี้ก็เป็นเหมือนของขวัญที่พวกเราตั้งใจทำและส่งมอบให้กับคนดู นอกจากความบันเทิงแล้วก็คงจะได้รับแรงบันดาลใจและความทรงจำดีๆ กลับไปด้วย” – ผกก.ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล
“Pass The Love Forward” เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “ของขวัญ”
“บอย โกสิยพงษ์” โปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงมากฝีมือประสานใจกับ “9 ศิลปินคุณภาพ” ที่ล้วนแล้วแต่เคยร่วมงานกับ “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” มาแล้วทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น “นภ พรชำนิ” (ความสุขของกะทิ), “โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร” (ฤดูที่ฉันเหงา), “คิว-สุวีระ บุญรอด” (รักแห่งสยาม), “พิช-วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล” (Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ), “นนท์-ธนนท์ จำเริญ” (ลูกทุ่งซิกเนเจอร์), “น้อย-กฤษดา สุโกศล แคลปป์” (ขุนพันธ์), “ก้อง ห้วยไร่-อัครเดช ยอดจำปา” (นายไข่เจียวเสี่ยวตอร์ปิโด), “ไข่มุก-รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช” (ลูกทุ่งซิกเนเจอร์), และ “แดน-วรเวช ดานุวงศ์” (ฤดูที่ฉันเหงา) ร่วม “ส่งต่อความรัก” กับบทเพลง “Pass The Love Forward” เวอร์ชั่นพิเศษที่ได้รับการเรียบเรียงใหม่โดยเฉพาะเพื่อนำมาใช้กับภาพยนตร์แห่งแรงบันดาลใจเรื่อง “ของขวัญ” ที่ “สหมงคลฟิล์มฯ” จับมือกับ “โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ” ร่วมส่งต่อความดี มอบให้คนไทยดูฟรีที่โรงทั่วประเทศ 28 ต.ค.นี้เป็นต้นไป
“เพลงนี้เป็นเพลงที่แต่งและอยากจะให้คนได้สานต่อแนวคิดเรื่องการส่งความรักต่อกันไปเป็นทอดๆ เพื่อที่จะให้จักรวาลนี้เต็มไปด้วยความรัก ถ้าเราส่งต่อกันไปเรื่อยๆ ความเกลียดชังบนโลกของเราก็จะลดลงได้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง ‘ของขวัญ’นี้ ก็ขอฝากเพลง ‘Pass The Love Forward ส่งต่อความรัก’ ซึ่งเวอร์ชั่นนี้ได้ 9 ศิลปินคุณภาพมาร่วมกันขับร้อง มีการทำดนตรีเสริมเข้าไปเพื่อเติมต่อคอนเซปต์ที่จะส่งต่อความรัก แต่ก็ยังให้ความรู้สึกว่ามีความเป็นต้นฉบับอยู่ และมันก็เสริมกันดีกับโปรเจกต์ภาพยนตร์สั้นทั้ง 4 เรื่องนี้ที่เมื่อชมและฟังแล้วก็ช่วยกันส่งต่อความรู้สึกและพลังงานดีๆ ต่อไปเหมือนกับต้นกำเนิดที่ในหลวงท่านได้ส่งมาให้กับพวกเรา เราก็จะพยายามส่งต่อๆ กันไปเพื่อให้ประเทศไทยและโลกนี้มีแต่ความรัก” – บอย โกสิยพงษ์ (ผู้ประพันธ์เพลง)